ศูนย์ข่าวนครราชสีมา – ตร.ภาค 3 ล่อซื้อรวบสาวลาวขนยาบ้า 6,000 เม็ด พร้อมเงิน 6 แสนบาท เผย ตบตาเจ้าหน้าที่แยบยล ซุกซ่อนใต้ห่อหมูยอ และข้าวต้มมัด ของฝากจาก ส.ป.ป.ลาว พร้อมใช้หนังสือเดินทางเข้า-ออก ไทยโดยถูกต้องตาม กม.นั่งรถโดยสารสาย นครพนม-กรุงเทพฯ ขนยานรกเข้ากรุง สารภาพทำมาแล้วหลายครั้ง
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่ด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.อำนวย มหาผล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาณุ บุรณศิริ รองผู้บังคับการศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 (ศสส.ภ.3) และ พ.ต.อ.นิติพันธุ์ โรหิโตปการ ผกก.สืบสวนสอบสวน ศสส.ภ.3 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายชาวส.ป.ป.ลาวค้ายาบ้า ได้ผู้ต้องหา 1 ราย คือ นางสุกสัน หรือ “นาง” ไชยะวง อายุ 24 ปี ชาวแขวงสะหวันนะเขต ส.ป.ป.ลาว พร้อมของกลาง เป็นยาบ้า ห่อด้วยพลาสติก 3 ห่อ จำนวน 6,000 เม็ด, ธนบัตรไทยฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 600 ฉบับ รวมเป็นเงิน 6 แสนบาท, หนังสือเดินทางเลขที่ Po 254870 สีน้ำเงิน, เอกสารค่าธรรมเนียมขึ้นท่าเทียบเรือและท่าข้ามเทศบาลนครพนม, ตั๋วรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพฯ-นครพนม, ใบผ่านด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ, โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และ กระเป๋าถือแบบสตรี 1 ใบ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการสืบทราบของชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ว่า มีขบวนการค้ายาบ้า จึงส่งสายลับเข้าไปแฝงตัวอยู่ในขบวนการ โดยอำพรางตัวเป็นพ่อค้ายาบ้า และติดต่อสั่งซื้อยาบ้ากับชาวลาวโดยติดต่อนัดพูดคุยกับเจ้าของยาบ้าที่ตลาดชายแดนไทย-ลาว จ.มุกดาหาร และตกลงสั่งซื้อยาบ้าในราคา 6 แสนบาท โดยนัดหมายให้มาส่งที่ จ.นครราชสีมา
เมื่อถึงกำหนดนัดหมาย เจ้าหน้าที่ได้วางแผนเข้าจับกุม โดยผู้ต้องหาได้นั่งรถโดยสารสายนครพนม-กรุงเทพฯ มาลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 นครราชสีมา นำยาบ้าจำนวน 3 มัด บรรจุไว้ในถุงกระดาษ โดยส่วนข้างบนวางทับด้วยหมูยอและข้าวต้มมัดของฝากจากสะหวันนะเขต ส.ป.ป.ลาว ส่วนข้างล่างเป็นยาบ้า
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าเที่ยวละ 60,000 บาท และทำมาหลายครั้งแล้ว โดยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใช้หนังสือเดินทาง (Passport) ผ่านเข้า-ออกทางด่านตรวจคนเข้าเมืองด้าน จ.นครพนม และที่ผ่านมาเคยทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ นาน 3 ปี อ่านเขียนภาษาไทยได้ และรู้เส้นทางในประเทศไทยเป็นอย่างดี จึงหันมารับจ้างขนยาบ้า เพราะรายได้ดี
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดีในข้อกล่าวหา “นำเข้ามาในราชอาณาจักรและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และขยายผลจับกุมเครือข่ายเพิ่มเติมต่อไป