กาฬสินธุ์ - พบสองพี่น้องชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ใช้เวลาว่างด้วยการจักตอกไม้ไผ่จำหน่าย จนกลายเป็นธุรกิจทำเงิน และสร้างรายได้อย่างงาม เป็นแบบอย่างของเยาวชนรุ่นใหม่ ที่ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นการสืบสานภูมิปัญญา แก้ปัญหาความยากจนได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถที่จะมีรายได้ถึงวันละ 300 บาท จึงหวังสะสมเงินรายได้ เพื่อใช้เป็นทุนการศึกษา
ที่บ้านเลขที่ 166 หมู่ที่ 3 บ้านฝายแตก ตำบลลำพาน อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ พบ น.ส.พิกุลพร อุ่นพินิจ อายุ 21 ปี นายอนุพล อุ่นพินิจ อายุ 19 ปี 2 พี่น้องวัยรุ่นหนุ่มสาว ที่กำลังช่วยกันจักตอกไม้ไผ่อย่างแข็งขัน ทั้งนี้ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ที่มีความต้องการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากตอกไม้ไผ่ดังกล่าว สามารถนำไปใช้ประโยชน์หลายอย่าง ทำให้บางวันทำไม่ทัน จนเพื่อนบ้านต้องอาสามาจักตอกช่วย
นางบานเย็น อุ่นพินิจ มารดาของนางสาวพิกุลพรและนายอนุพลกล่าวว่า เมื่อถึงฤดูกาลทำนา ที่จะต้องมีการถอนต้นกล้าหรือต้นข้าวเพื่อนำไปปักดำ แรกตนได้ฝึกวิธีการจักตอกให้กับบุตรสาวและบุตรชาย ตามแบบอย่างที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษที่เป็นชาวนา พอลูกมีความชำนาญ และสามารถจักตอกได้มากขึ้น ก็มีเพื่อนชาวนามาขอซื้อเพื่อนำไปมัดต้นกล้าและสิ่งของ จึงจัดจำหน่ายในราคากำละ 20 บาท และทำกันต่อเนื่องเรื่อยมาจนสามารถยึดเป็นอาชีพเสริมในฤดูทำนาได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถที่จะมีรายได้จากการจักตอกจำหน่ายถึงวันละ 300 บาท
ด้าน นายอนุพล อุ่นพินิจ บุตรชายวัย 19 ปีกล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่สามารถจักตอกไม้ไผ่จำหน่ายและเกิดรายได้โดยไม่ต้องเหนื่อยแรงเหมือนทำงานอย่างอื่น และสามารถที่จะยึดเป็นอาชีพเสริมอย่างยั่งยืน เพราะลูกค้ามีตลอดปีและมีหลายกลุ่ม คือกลุ่มชาวนากับกลุ่มค้าขาย ถ้าเป็นกลุ่มชาวนา ก็จะมาสั่งซื้อในช่วงมัดต้นกล้า และช่วงฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อมัดฟ่อนข้าว
ขณะที่กลุ่มค้าขายที่ถือว่าเป็นลูกค้าประจำคือพ่อค้าแม่ค้าจะซื้อไปใช้สำหรับมัดขนม ข้าวต้มมัด มัดส้มเนื้อ-ส้มปลา และมัดแยกผักเพื่อที่จำหน่ายเป็นกำแทนการใช้หนังสติ๊ก โดยที่ผ่านมาตอกที่ตนกับพี่สาวจักได้ นอกจากจะจำหน่ายภายในชุมชนแล้ว ยังมีพ่อค้าคนกลางนำไปจำหน่ายเอากำไรอีกด้วย
ขณะที่ น.ส.พิกุลพร อุ่นพินิจ บุตรสาววัย 21 ปี กล่าวว่า ตนเพิ่งเรียนจบ ปวส. อยากเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นแต่ก็ไม่มีเงิน เนื่องจากฐานะยากจนและสงสารแม่ ขณะนี้กำลังว่างงาน เคยคิดจะไปหาสมัครงานที่อื่นทำ แต่คิดว่าคงไม่คุ้ม จึงได้ใช้เวลาว่างช่วงนี้จักตอกกับน้องชาย ทำให้ครอบครัวมีรายได้เสริม โดยไม่ต้องไปหาทำงานที่อื่น คิดว่าจะทำต่อไปเรื่อยๆ และเชื่อว่าจะมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
หมายความว่าจะมีรายได้มากขึ้น เมื่อมีรายได้จึงเป็นกำลังใจให้ตนกับน้องชายอยากเรียนต่อ เพราะน้องชายเรียนจบแค่ ม.3 อย่างไรก็ตาม ตนกับน้องชายก็หวังความก้าวหน้าในชีวิต จึงจะยังจักตอกขายเพื่อที่จะได้มีเงิน สำหรับใช้เป็นทุนการศึกษาต่อไป