บุรีรัมย์ - ระดมกำลังตำรวจเพิ่มเป็น 4,000 นาย คุมเข้มรักษาความปลอดภัยนายกฯอภิสิทธิ์ และคณะ 11 ก.ค.นี้ หลังมีข่าวความเคลื่อนไหวเสื้อแดงต่างจังหวัดจะเข้ามาในพื้นที่ถึง 15 กลุ่ม ผู้ว่าฯ มั่นใจสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดเหตุความรุนแรงได้ วอนอย่ามาสร้างความวุ่นวาย ชี้ หากมาดีเป็นมิตรชาวบุรีรัมย์ยินดีต้อนรับทุกคน แต่คนบุรีรัมย์ไม่ยอมให้ใครมาทำลายชื่อเสียงจังหวัดและของคนบุรีรัมย์แน่นอน เผย เตรียมระดมพลังมวลชนทุกภาคส่วน 1 หมื่นคน เข้าร่วมต้อนรับนายกฯ
วันนี้ (9 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ นายมงคล สุระสัจจะ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เรียกประชุมเตรียมรับการเดินทางมาตรวจราชการและเยี่ยมเยียนรับทราบปัญหาประชาชนที่ จ.บุรีรัมย์ ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 11 ก.ค.นี้ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ตำรวจหมู่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) คณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด (กพสจ.) สภาหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ลูกเสือชาวบ้าน กลุ่มพลังมวลชน และองค์กรภาคเอกชนจังหวัดบุรีรัมย์ เข้าร่วมประชุม กว่า 500 คน
นายมงคล สุระสัจจะ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางจังหวัดทุกฝ่าย ได้เตรียมความพร้อมในการต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะ ซึ่งจะเดินทางลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันที่ 11 ก.ค.นี้ เพื่อตรวจติดตามแผนปฏิบัติการ “เปิดประตูอีสาน ประสานใจ ไทยเข้มแข็ง” โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ หลายจุด ในหลายอำเภอ
นายมงคล กล่าวต่อว่า เชื่อว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อชาวบุรีรัมย์อย่างมาก อย่างไรก็ตามในส่วนของการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้มีการประสานกำลังกันทั้ง ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครรักษาดินแดง (อส.) รวมไปถึงตำรวจหมู่บ้าน เพื่อดูแลด้านความปลอดภัยเต็มที่
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าอาจมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมต่อต้านการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้นั้น นายมงคล กล่าวว่า คงห้ามไม่ได้ เพราะทุกคนมีสิทธิ์เรียกร้อง แต่อยากวอนขอว่าอย่าก่อความวุ่นวาย เพราะหากมาดีอย่างเป็นมิตร เชื่อว่าชาวบุรีรัมย์ยินดีต้อนรับทุกคน แต่คนบุรีรัมย์เองก็คงไม่ยอมให้ใครมาทำลายชื่อเสียงของจังหวัดและของคนบุรีรัมย์แน่นอน
ขณะเดียวกัน “ประชาคม คนบุรีรัมย์ ปกป้องสถาบัน” ประกอบด้วย ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ตำรวจหมู่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) คณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด (กพสจ.) สภาหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ลูกเสือชาวบ้าน และชมรมอาสาสมัครปกป้องสถาบัน นำโดย ว่าที่ ร.ต.วิชัย ปิยมิตรธรรม กำนันตำบลปังกู อ.ประโคนชัย ในฐานะประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ยื่นหนังสือแถลงการณ์ “ประชาคม คนบุรีรัมย์ ปกป้องสถาบัน” ให้กับ นายมงคล สุระสัจจะ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์
ว่าที่ ร.ต.วิชัย ปิยมิตรธรรม กำนันตำบลปังกู อ.ประโคนชัย ในฐานะประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศชาติได้รับความบอบช้ำมาก จากความขัดแย้งของคนในชาติ ที่แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย แบ่งสี แบ่งข้าง จนมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประเทศชาติ ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และความมั่นคงของประเทศชาติ อย่างมาก และมีแนวโน้มว่าจะก้าวล่วงพาดพิงไปถึงสถาบันเบื้องสูงที่เป็นที่เคารพรักของพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศด้วย
จากปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติที่ผ่านมา ร่วม 3 ปี ส่งผลให้ให้ประเทศชาติ ไม่อาจขับเคลื่อนก้าวไปข้างหน้าได้ ทำให้ประชาชนคนไทยได้รับความเดือดร้อน สินค้าราคาแพง ประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ถูกเลิกจ้าง ไม่มีงานทำ ผลิตผลการเกษตรราคาตกต่ำ การท่องเที่ยวซบเซา การลงทุนถดถอย ซึ่งเป็นปัญหาจากความขัดแย้งของคนไทยทั้งสิ้น มาถึงวันนี้เราคนไทยควรหยุดการใช้ความรุนแรง ยุติความขัดแย้ง แล้วหันหน้าเข้าหากัน เพื่อสร้างชาติ พัฒนาบ้านเมืองต่อไป
ว่าที่ ร.ต.วิชัย กล่าวต่ออีกว่า การที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็นผู้นำรัฐบาลที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว นำพาประเทศชาติให้ก้าวเดินต่อไป เพื่อแข่งขันกับนานาอารยประเทศ นั้น พวกเรายินดีสนับสนุนการดำเนินงานและเป็นกำลังใจ
อย่างไรก็ดี ขอขอบคุณ นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางมาเยี่ยมพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 11 ก.ค.นี้ เพื่อตรวจติดตามแผนปฏิบัติการ “เปิดประตูอีสาน ประสานใจ ไทยเข้มแข็ง” เชื่อว่า จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ชาวบุรีรัมย์
“พวกเราจะร่วมกันปกป้องนายกรัฐมนตรีและคณะ ในการมาเยือนบุรีรัมย์ และเดินทางกลับโดยปลอดภัย” ว่าที่ ร.ต.วิชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการเตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรี นั้น ได้มีการเตรียมระดมข้าราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ตำรวจหมู่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) คณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด (กพสจ.) สภาหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ลูกเสือชาวบ้าน กลุ่มพลังมวลชน และองค์กรภาคเอกชน รวมทั้งประชาชนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ประมาณ 10,000 คน ไว้รอต้อนรับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ครั้งนี้ด้วย
ส่วนภารกิจที่นายยกรัฐมนตรีพร้อมคณะ จะเดินทางมาที่บุรีรัมย์ในวันที่ 11 ก.ค.ครั้งนี้ มีกำหนดการจะมาเปิดห้องสมุดรถไฟ ที่บริเวณสวนสาธารณะหน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ที่ทางการรถไฟแห่งประเทศได้ร่วมกับ เทศบาลเมือง และศูนย์การศึกษานอกระบบตามอัธยาศรัย จังหวัดบุรีรัมย์ (กศน.) จัดทำขึ้น เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ติดอาวุธทางปัญญาให้กับประชาชน เยาวชน นักเรียนนักศึกษา และผู้ที่มาเฝ้ารอขึ้นรถไฟได้ใช้บริการโดยใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วย
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะจะได้เดินทางไปโรงเรียนธารทองพิทยาคม อ.ลำปลายมาศ เพี่อไปเปิดมหกรรมสุขภาพและมหกรรมของดีบุรีรัมย์ และเดินทางไปเปิดถนนในโครงการถนนไร้ฝุ่นเป็นแห่งแรกของประเทศ สายบ้านแสลงพัน-บ้านหนองน้ำขุ่น ต.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 14 ล้านบาท พร้อมพบปะรับทราบปัญหาของประชาชนที่โรงเรียน บ.หนองบัว ม.9 ต.ทะเมนชัย
จากนั้นนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะเดินทางไปรับประทานอาหาร ที่บ้านนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ บ.หนองเก้าข่า ต.เมืองแฝก ที่ นายโสภณ ได้เปิดบ้านรับรอง พร้อมเตรียมเมนูอาหาร “อีสาน” ที่ขึ้นชื่อโดยเฉพาะ ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ไว้ต้อนรับ
หลังรับประทานอาหารนายกฯ พร้อมคณะ ก็จะเดินทางไปเปิดป้ายโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ที่สถานีอนามัยหนองครก ม.12 ต.เมืองแฝก พร้อมพบปะประชาชนด้วย
ต่อจากนั้นก็จะเดินทางไปเปิดอ่างเก็บน้ำลำตะโคง ม.4 ต.หัวฝาย อ.แคนดง พร้อมทั้งพบปะและรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ หลังเสร็จภารกิจนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ก็จะเดินทางกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า วันเดียวกันนี้ (9 ก.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น.พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่เรียกประชุมนายตำรวจในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในการเตรียมการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนายกฯ และคณะ ที่จะมาปฏิบัติภารกิจที่ จ.บุรีรัมย์ พร้อมให้เพิ่มกำลังตำรวจจาก 3,000 นาย เป็น 4,000 นาย ทั้ง ตำรวจภูธรจังหวัด, ตชด., ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน, หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ในการรักษาความปลอดภัยให้กับนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะในครั้งนี้
หลังได้รับรายงานว่า จะมีกลุ่มเสื้อแดงจากต่างจังหวัด ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา สุรินทร์ ร้อยเอ็ด อุดรธานี และ จ.บุรีรัมย์ จะเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ถึง 15 กลุ่ม พร้อมทั้งขอให้กลุ่มเสื้อแดง หรือ กลุ่มคนที่จะเข้ามาเคลื่อนไหว ไม่ให้ก่อความวุ่นวาย หรือความรุนแรงซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองได้
