xs
xsm
sm
md
lg

ททท.โหมกระตุ้นท่องเที่ยวโคราช - ชัยภูมิฝ่าวิกฤต รุกนำผู้ประกอบการโรดโชว์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ททท. นครราชสีมา นำผู้ประกอบการโคราช-ชัยภูมิ โรดโชว์ ภาคตะวันออก ที่ จ.ชลบุรี และระยอง
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ททท.โคราช” โหมกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองย่าโม-ชัยภูมิ ฝ่าวิกฤต ศก.-ไข้หวัด 2009 เผยรุกนำผู้ประกอบการเดินสายโรดโชว์ภาคตะวันออกมุ่งดึงกลุ่มลูกค้าประชุมสัมมนาของบริษัทใหญ่และโรงงานอุตฯ ได้รับการตอบรับชื่นมื่น คาด “เทศกาลดอกกระเจียว” สร้างรายได้ 100 ล้าน พร้อมเร่งเครื่องต่อเนื่อง “เที่ยวป่าหน้าฝน” ชูจุดขายอุทยานฯ ชื่อดังใน 2 จังหวัดและเทศกาลสำคัญอีกเพียบ เชื่อปลายปีนี้การท่องเที่ยวฟื้นตัวเหตุผู้คนอัดอั้นมานานพร้อมทะลักออกเที่ยวใช้จ่ายเงิน มั่นใจโคราช-ชัยภูมิโต 5% ทำรายได้ทะลุ 1 หมื่นล้านและ 1 พันล้าน

นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ททท.สำนักงานนครราชสีมา ร่วมกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบ จ.นครราชสีมา และชัยภูมิ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย “เที่ยวโคราชครื้นเครง ท่องบรรเลงทั่วชัยภูมิ” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยนำผู้ประกอบการกว่า 50 ราย 27 หน่วยงาน ไปจัดรายการโรดโชว์ (Road Show) ยังจังหวัดทางภาคตะวันออก เช่น จ.ชลบุรี จ.ระยอง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะจังหวัดภาคตะวันออกมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ และโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้ง 2 จังหวัด กว่า 10 แห่ง สามารถปิดการขายได้ทันทีในการโรดโชว์ และ มีลูกค้าอีกกว่า 30 ราย ให้ความสนใจและให้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้งเพื่อใช้ในการตัดสินใจซื้อบริการโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าบริษัท และโรงงานอุตสาหกรรม ที่จะไปจัดประชุมสัมมนา ซึ่งต้องนำเสนอที่ประชุมของผู้บริหารก่อนจึงสามารถตัดสินใจได้

กิจกรรมส่งเสริมการขายเชิงรุกที่ ททท.นครราชสีสมา ทำร่วมกับผู้ประกอบการในครั้งนี้ เพื่อต้องการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่หลากหลายในอีสานให้แก่กลุ่มลูกค้าตลาดเป้าหมายในภาคตะวันออกได้รับทราบ รวมทั้งผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กจะได้มีโอกาสพบปะสานสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าให้มาใช้บริการเพิ่มและสร้างลูกค้าใหม่ พร้อมทั้งเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อทำตลาดเชิงรุกอย่างแท้จริง ในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาเช่นนี้

โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว จ.ชัยภูมิ ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงการจัดเทศกาลเที่ยวดอกกระเจียวงาม ได้รับการตอบรับที่ดีมาก สินค้าของที่ระลึกต่างๆ ที่นำไปด้วยขายเกลี้ยงหมด และหลายคนสนใจเดินทางไปเยือนชัยภูมิเพื่อชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่หนึ่งปีมีขึ้นครั้งเดียว ขณะเดียวกันการเสนอขายครั้งนี้เพื่ออยากบอกว่า ชัยภูมิไม่มีเฉพาะทุ่งดอกกระเจียวเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู เหมือนสโลแกนที่ว่า “ชัยภูมิภูมิใจเที่ยวได้ทุกฤดู” เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่เชื่อมต่อจากทุ่งดอกกระเจียว ซึ่ง ททท.ได้เร่งโหมประชาสัมพันธ์กิจกรรม “เที่ยว 4 อุทยานกับ 1 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า” ของ จ.ชัยภูมิ ในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้

เทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม จ.ชัยภูมิ 3 เดือน (มิถุนายน-สิงหาคม) ปีนี้ ตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนกว่า 300,000 คน คาดว่าจะมีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ปีนี้มีปัจจัยลบหลายอย่าง ทั้งปัจจัยภายนอก เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา น้ำมันราคาแพง และความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศไทย ส่วนปัจจัยภายในคือ ทางอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ได้เรียกเก็บเงินค่าผ่านประตูขึ้นไปเที่ยวชมทุ่งดอกกระเจียวเป็นปีแรก ซึ่งแม้เป็นค่าผ่านประตูที่ราคาไม่มาก แต่มีผลทางด้านจิตวิทยาต่อนักท่องเที่ยวสูง

“ภาพรวมการท่องเที่ยวชัยภูมิปีนี้ ททท.ตั้งเป้าหมายเติบโตจากปีก่อน 5% ซึ่งในปีที่ผ่านมา จ.ชัยภูมิ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนจำนวน 1.1 ล้านคน เกิดรายได้จากท่องเที่ยวทะลุ 1,000 ล้านบาทเป็นปีแรก ฉะนั้นในปีนี้คาดว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนไม่น้อยกว่า 1.2-1.3 ล้านคน ” นายอรรถพล กล่าว

นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์การท่องเที่ยวช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาของนครราชสีมาซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ของภาคอีสาน เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาตัวเลขการท่องเที่ยวเป็นลบ เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศดังกล่าว ได้ส่งผลต่อตัวเลขนักท่องเที่ยวอย่างยิ่ง แม้จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ อย่างต่อเนื่องก็ตาม ทั้งการจัดกิจกรรมของเทศบาลนครนครราชสีมาและองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา เช่น งานช่วงเทศกาลปีใหม่, งานเทศกาลตรุษจีน และ งานฉลองชัยชนะของท้าวสุรนารี แต่ทำให้ตัวเลขเติบโตได้ในช่วง 3 เดือนแรกเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่เมษายน-มิถุนายน ตัวเลขการท่องเที่ยวเริ่มเป็นลบ จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงประมาณ 10-15%

ขณะที่ผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ตอนนี้ยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน แต่คาดว่าต่อไปจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวแน่นอน อย่างไรก็ตามอยากฝากไปยังประชาชนและนักท่องเที่ยวว่า อย่าตื่นตระหนกมากจนเกินไป เพราะไข้หวัดสามารถรักษาให้หายได้ ขอให้ติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง

“ฉะนั้น สิ่งที่ ททท.กำลังดำเนินการขณะนี้ คือ การทำตลาดเชิงรุกโดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ใน จ.นครราชสีมา และ ภาคอีสานเพื่อกระตุ้นให้การท่องเที่ยวคึกคัก สร้างรายได้เกิดภายในประเทศ ฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ไปให้ได้” นายอรรถพล กล่าว

นายอรรถพลกล่าวอีกว่า ในช่วง 6 เดือนหลังจากนี้ ซึ่งเริ่มเข้าสู่หน้าฝน ททท.มีเป้าหมายโหมการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวหน้าฝน หรือ “เที่ยวป่าหน้าฝน” ของอีสาน โดยเฉพาะพื้นที่นครราชสีมาและชัยภูมิที่มีอุทยานแห่งชาติขึ้นชื่อหลายแห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่-ทับลาน แหล่งมรดกโลกที่คงความงดงาม อุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และอุทยานฯ ป่าหินงาม, ไทรทอง ที่ จ.ชัยภูมิ ก็ล้วนเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะมีความสุขกับการเที่ยวป่า สัมผัสความสดชื่น เขียวขจีของธรรมชาติ

สำหรับกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวที่สำคัญหลักๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง เช่น เทศกาลแห่เทียนพรรษาที่ยิ่งใหญ่ของโคราช 6-8 ก.ค.ซึ่งปีนี้ เทศบาลนครนครราชสีมาโหมการประชาสัมพันธ์เชิงรุกมากโดยจัดแพกเกจเพียง 500 บาทเที่ยวไปกลับกรุงเทพฯได้ พร้อมขึ้นป้ายคัตเอาต์โฆษณาขนาดใหญ่ที่กรุงเทพฯ ด้วย, งานปากช่องคาวบอยเฟสติวัล และงานบอลลูนนานาชาติ อ.ปากช่อง ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ที่นักท่องเที่ยวเริ่มรู้จักมากขึ้น, เทศกาลดอกเบญจมาศบานในม่านหมอก อ.วังน้ำเขียว เดือนธันวาคม และ การแข่งขันปากช่อง โอโซน กอล์ฟครั้งที่ 5 กรกฎาคม เป็นต้น

“หากสถานการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่านี้เชื่อว่าในช่วงเดือน ตุลาคม-ธันวาคม การท่องเที่ยวอีสานน่าจะดีขึ้นเพราะผู้คนอัดอั้นมานานจะพากันทะลักออกมาท่องเที่ยว ใช้จ่ายเงิน ซึ่ง ททท.ได้จัดกิจกรรมไว้รองรับอยู่แล้ว โดยเฉพาะแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวหลักในพื้นที่นี้ ทั้งที่ อ.ปากช่อง และ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา รวมถึง จ.ชัยภูมิ ด้วย ” นายอรรถพล กล่าว

ฉะนั้น การท่องเที่ยวจ.ชัยภูมิและนครราชสีมาในปีนี้ มั่นใจว่าจะเติบโตขึ้นได้ 3-5% โดย จ.นครราชสีมายังตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวปีนี้ทะลุ 10,000 ล้านบาท ส่วน จ.ชัยภูมิ จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 1.2-1.3 ล้านคน สร้างรายได้เกิน 1 พันล้านบาท แต่ทั้งนี้ต้องเกิดจากการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน
กำลังโหลดความคิดเห็น