xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านฮือไล่เจ้าอาวาสวัดพิจิตรปล้ำเด็กหญิงวัย 13 ขวบ-ญาติจัดม็อบชนหวิดวางมวย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พิจิตร – ชาวบ้านลุกฮือขับไล่เจ้าอาวาสวัดก่อคดีปล้ำเด็กอายุ 13 จนศาลตัดสินจำคุก 4 ปี ขณะที่เครือญาติพระกลับจัดม็อบออกมาชนเต็มที่ จนหวิดวางมวยต่อหน้าเจ้าคณะตำบลที่เข้ามาห้ามทัพ

วันนี้ (4 ก.ค. 52) นายอารมณ์ มีหวัง กำนัน ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร พร้อมด้วยกำลังตำรวจเกือบ 20 นาย จาก สภ.ย่านยาว ต้องช่วยกันระงับเหตุหลังจากมีชาวบ้าน 2 กลุ่มยกพวกเผชิญหน้ากัน เหตุเพราะมีการประท้วงขับไล่เจ้าอาวาส วัดวังกระดี่ทอง ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งขณะที่ม็อบชาวบ้านกำลังลุกฮือขับไล่พระหนุ่มเจ้าอาวาส อายุ 41 ปีนั้นได้หลบหน้าหายไปจากวัด โดยอ้างว่าไปเยี่ยมโยมพ่อที่ป่วยอยู่ที่บ้านภายในตำบลย่านยาว

นายขันต์ มีแดนไผ่ อดีต นายก อบต.ย่านยาว เปิดเผยว่า ชาวบ้านที่ยกพวกมากลุ่มแรกเกือบ 100 คน ได้พร้อมใจกันประท้วงด้วยการไม่ตักบาตรทำบุญภายในวัดวังกระดี่ทอง เนื่องจากเสื่อมศรัทธาพระอธิการวิญรวัฒน์ หรือพระหนุ่ม โดยเหตุเกิดเมื่อ 18 พ.ค. 51 พระหนุ่มได้กระทำอนาจาร ด.ญ.น้ำชา (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้ายดึงตัว ด.ญ.น้ำชา เข้าไปในกุฏิ ภายในวัดวังกระดี่ทอง แล้วใช้มืออุดปากเข้าสวมกอดและจับบีบนม จูบแก้ม พร้อมทั้งดันตัวให้นอนลงกับพื้น แต่ ด.ญ.น้ำชาขัดขื่นและนำความไปเล่าให้แม่ฟังจนเป็นเรื่องเป็นราว

จากนั้นพระหนุ่มเจ้าอาวาสวัดวังกระดี่ทอง ก็ส่งคนไปเจรจาและเสนอเงินให้ 20,000 บาท เป็นค่าปิดปากให้กับนางแป๊ด ผู้เป็นแม่ แต่พอนางแป๊ ได้เงินไปเพียงแค่ 17,000 บาท เรื่องกลับไม่จบ เมื่อญาติของฝ่ายพระหนุ่มรู้ว่านางแป๊ด แม่ของ ด.ญ.น้ำชา ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นคนรับจ้างเก็บกวาดกุฏิของพระหนุ่ม เจ้าอาวาสวัดวังกระดี่ทอง ให้ค่าตอบแทนเดือนละ 500 บาท แถมมีข้าวก้นบาตรหรือของเหลือจากพระฉัน รวมทั้งของใช้พระก็จะให้มาโดยตลอด แต่กลับไปเรียกเงินเป็นการข่มขู่พระหนุ่ม แม้เป็นผู้ก่อเหตุปลุกปล้ำ ด.ญ.น้ำชา ญาติพี่น้องของฝ่ายพระจึงมารุมด่านางแป๊ด จนเป็นเหตุท้าสาบาน แต่พระหนุ่มเจ้าอาวาสวัดวังกระดี่ทองกลับไม่ยอมกล่าวคำสาบาน

จากนั้นนางแป๊ดแม่ของ ด.ญ.น้ำชา จึงไปแจ้งความที่ สภ.ย่านยาว และมีการนำคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรม จ.พิจิตร คดีหมายเลขดำที่ 1252/2551 และคดีหมายเลขแดงที่ 636/2552 ปรากฏว่ามีการสืบพยานหลายปาก โดยพยานคนหนึ่งให้การว่าภายในกุฏิเจ้าอาวาส วันหนึ่งงูเห่าเลื้อยผ่านมาพระหนุ่มใช้ไม้ตีงูแล้วนำมาประกอบอาหารโดยให้นายน้อย พัดมณี ซึ่งมีที่พักอาศัยอยู่ภายในวัด ออกไปซื้อพริกแกง พระหนุ่มได้ลงมือผัดเผ็ดงูเห่าด้วยตนเอง แต่ทำน้ำพริกแกงตกลงกับพื้นจึงให้นางแป๊ด แม่ของ ด.ญ.น้ำชา ออกไปซื้อมาใหม่ โดยปล่อยให้ ด.ญ.น้ำชา อยู่เพียงลำพังกับพระหนุ่ม จึงได้ถูกปลุกปล้ำดังกล่าว และมีการเจรจาค่าเสียหายและทำเป็นบันทึกเพื่อขอยุติคดี แต่คดีกลับไม่ยุติ บันทึกใบนั้นจึงกลายมาเป็นหลักฐานมัดตัวพระหนุ่ม

จนในที่สุดถูกคดีนำขึ้นสู่ศาลและเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2552 ศาลยุติธรรม จ.พิจิตร ได้พิพากษาให้พระหนุ่มมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง เป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่ตลอดการสืบสวนที่ผ่านมาจำเลย คือ พระหนุ่ม เจ้าอาวาสวัดวังกระดี่ทอง ให้การปฏิเสธ และขออุทธรณ์สู้คดี

จากนั้นพระรูปนี้ก็จำวัดอยู่ที่วัดวังกระดี่ทอง ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยอ้างว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และถูกกลั่นแกล้งทำให้ชาวบ้านที่รู้พฤติกรรมต่างเสื่อมศรัทธาและประกาศจะไม่ยอมทำบุญ แต่วันนี้กลับสุดจะทนกับพฤติกรรมอีกหลายเรื่องจึงได้รวมกลุ่มกันมาชุมนุมประท้วง โดยขอให้จับพระรูปนี้สึก หรือให้ไปจำวัดที่อื่นจนกว่าคดีจะสิ้นสุด

แต่ปรากฏว่าขณะที่ชาวบ้านกลุ่มแรกกำลังขับไล่พระหนุ่มอยู่นั้น ได้มีชาวบ้านกลุ่มที่สอง ซึ่งล้วนเป็นญาติพี่น้องของพระหนุ่ม ออกมารวมกลุ่มและตะโกนด่าทอชาวบ้านกลุ่มแรก จนหวิดวางมวยซึ่งกันและกัน

นายอารมณ์ มีหวัง หรือกำนันเอ็กซ์ ต.ย่านยาว จึงไปนิมนต์หลวงพ่อพระพิเชษฐธรรมคุณ จากวัดหาดมูลกระบือ เจ้าคณะตำบล ซึ่งดูแลพระในเขตวัด ต.ไผ่ขวาง, ต.ท่าฬ่อ, ต.ย่านยาว มานั่งกลางวงขัดตาทัพ แต่ปรากฏว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างอยู่ในความโกรธและทิฐิของตนเอง ตะโกนด่ากันข้ามศีรษะเจ้าคณะตำบลไปมาและจะวางมวยกัน

ล่าสุดต่างฝ่ายต่างคุยกันไม่รู้เรื่องแต่พระพิเชษฐธรรมคุณ จากวัดหาดมูลกระบือ เจ้าคณะตำบล พยายามจะหาข้อยุติโดยกล่าวว่า อาจจะให้พระหนุ่มไปจำวัดในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาที่วัดหาดมูลกระบือเป็นการชั่วคราวก่อน จนกว่าจะมีมติจากคณะสงฆ์ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร

นายประพันธ์ ตั้นวัฒนา ผอ.สำนักพุทธศาสนาประจำ จ.พิจิตร กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวเคยรายงานคดีทางโลกที่ศาลตัดสินพิพากษาไปให้ทุกระดับชั้นของพระสงฆ์ ภายใน จ.พิจิตร เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่มีการชี้ขาดอะไรลงมา จึงเป็นเหตุให้ชาวพุทธซึ่งเป็นชาวบ้าน 2 พวกเกือบยกพวกตีกันฉลองรับวันเข้าพรรษาอีกด้วย แต่ส่วนการชี้ขาดจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น สำนักพุทธฯ หมดอำนาจแล้ว ต้องขึ้นอยู่ที่ฝ่ายสงฆ์ต่อไป

ขณะที่นายขันต์ มีแดนไผ่ แกนนำชาวบ้าน ที่ไล่เจ้าอาวาสกล่าวว่า ถ้าวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.ค. 52 ยังไม่มีคำตอบของทางภาคราชการและฝ่ายสงฆ์ ก็จะรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อขับไล่พระที่ทำผิดกฎหมายและผิดคำสอนของพระพุทธศาสนาให้ออกจากวัด โดยไม่ขอรับประกันว่าจะมีเหตุเลือดตกยางออกหรือไม่

กำลังโหลดความคิดเห็น