เลขาฯ ปชป.ยืนยันข่าวหุ่นเชิดบงการม็อบถ่อยปะทะพันธมิตรฯ แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจน แฉเม็ดเงินหว่านกว่า 30 ล้านบาท เตือนสติ “แม้ว” กำลังตัดสินใจผิดครั้งยิ่งใหญ่ ใช้เป็นข้ออ้างลี้ภัยทางการเมือง หนีกระบวนการยุติธรรม ตำหนิ “เหลิม” ตกเป็นจำเลยสังคม พฤติการณ์ไม่เหมาะสมเชียร์ “ขวัญชัย” แสดงความเถื่อน
วันนี้ (25 ก.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจขยายตัวไปสู่จังหวัดอื่นหลังเกิดเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างชมรมคนรักอุดร และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จังหวัดอุดรธานีว่า ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (24 ก.ค.) ตนก็ได้บอกไปแล้วว่า ตนได้ข่าวว่ามีการกระจายเงินลงไปพื้นที่ ซึ่งบางจังหวัดได้ถึงกว่า 30 ล้านบาท เพื่อจัดม็อบไปชนม็อบ และตนโดยได้ฝากไปยังเจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองและผู้เกี่ยวข้องเพื่อให้หาทางป้องกัน แต่ก็น่าเสียใจว่ามีการจัดม็อบไปปะทะกันจนบาดเจ็บ ตนรู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราไม่อยากเห็นสภาพอย่างนี้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งขณะนี้ตนไม่ทราบว่ายอดเงินจ่ายไปอย่างไร แต่เขาทำแล้วจริงๆ ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นจุดที่ทำให้ผู้บงการหรือผู้สั่งการควรจะกลับไปทบทวนหรือพิจารณาว่า การเอาเงินไปจ้างม็อบชนม็อบ ให้คนไทยมาปะทะกันเอง ไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย แม้แต่ผู้บงการเอง
“คนเขารู้กันทั้งนั้นว่าใครเป็นคนสั่งการหรือบงการ อย่าคิดว่าทำอะไรแล้วคนอื่นจะไม่รู้ ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้บงการเลยด้วยประการใดๆ ทั้งสิ้น ยังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่เขาไม่ได้เลือกข้าง เขายืนดูสถานการ์อยู่เฉยๆ ใช้ชีวิตปกติ แต่เมื่อไหร่เขาเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองจะทำให้กระทบกระเทือนต่อประเทศชาติ ต่อประชาชน ต่อสถาบันหลักของประเทศแล้ว เมื่อนั้นผู้สั่งการก็จะไม่มีที่อยู่ เป็นเรื่องที่ตนอยากจะเรียนให้สังวรณ์ว่านี่ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาด้วยการเอาคนมาตีกัน มาปะทะกัน” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การสร้างสถานการณ์ความรุนแรงถูกมองว่า อาจจะใช้เป็นข้ออ้างในการลี้ภัยทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหนีกระบวนการยุติธรรมที่กำลังใกล้เข้ามา เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่เขาคิด แต่ตนคิดว่าเขาคิดผิด มีทางออกในการแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองได้ ไม่ใช่วิธีนี้ แม้แต่ปัญหาของเขาเองก็สามารถแก้ไขได้ แต่ต้องใช้วิธีที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ถ้าเป็นคนไม่ยอมแพ้ เชื่อมั่นในอำนาจเงิน อิทธิพลของตัวเอง เชื่อถือพวกประจบสอพอ ตนคิดว่าอย่างนี้พังกันหมด
นอกจากนี้ ตนอยากฝากไปถึงประชาชนให้ติดตามสถานการณ์อย่าด่วนตัดสินใจไปเข้าข้างหนึ่งข้างใด และต้องพูดจาให้ทุกฝ่ายตระหนักว่าการดำเนินการอย่างนี้ไม่เป็นผลดี ฝ่ายพันธมิตรฯ เองก็ต้องระมัดระวัง รู้ว่าในบางพื้นที่ถ้าจะจัดการชุมนุมอาจเกิดปัญหาแบบนี้ก็ต้องหลีกเลี่ยง ตนคิดว่าการชุมนุมการแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องที่คนไทยทำได้ ถ้าฝ่ายอื่นไม่เห็นด้วย เห็นแตกต่างกับพันธมิตรฯ ก็สามารถจัดชุมนุมได้ จัดเวทีได้โดยไม่ต้องยกพวกมาตีกัน มันดูเป็นผู้ที่เจริญกว่า
เมื่อถามว่าคิดว่าเหตุการณ์จะขยายความรุนแรงไปสู่พื้นที่อื่นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนทราบข่าวมาว่ามีการประชุมกันแล้วก็ถึงขนาดวางแผนใครจะขนคนจังหวัดไหน ให้เข้ามาอยู่ชานเมืองกรุงเทพฯ เมื่อถึงเวลาก็ลุกฮือเข้ามา โดยให้เอามาเชื่อมโยงเรื่องที่รัฐบาลจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งตนคิดว่ารัฐบาลไม่ควรทำอย่างนี้ ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด ถ้าคนที่อยู่ในระบบรัฐสภาคือทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเราก็ไปถกเถียง ต่อสู้กันในสภาอย่าให้ประชาชนต้องเดือดร้อน
“การที่รัฐบาลชี้แจงกับประชาชนว่ามีเหตุผลอะไรที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลก็ทำได้ แล้วก็ทำอยู่ทุกวัน ขณะนี้ก็ใช้สื่อมากกว่าใคร เอาเปรียบคนอื่นเต็มที่อยู่แล้ว หรือจะประชุมประชาชนในจังหวัด โดยเอาคนของรัฐบาลไปชี้แจงก็ไม่มีใครว่า หรือฝ่ายค้านจะไปจัดเวทีชี้แจงข้อดี ข้อเสียก็ไม่เป็นไร แต่การที่จะสนับสนุนให้คนยกพวกตีกัน ไม่ใช่วิสัยของรัฐบาลในโลกนี้ที่เขาทำกัน ดังนั้น รัฐบาลต้องไปสำรวจตัวเอง หากไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ถือว่ารัฐบาลทำผิดอย่างหมาศาล” นายสุเทพกล่าว
ต่อข้อถามว่าการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีให้กำลังใจกับนาย ขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มชมรมคนรักอุดร เหมาะสมหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนคิดว่า รมว.มหาดไทยประพฤติไม่เหมาะสม ถ้าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ ไปสนับสนุนม็อบให้ทุบตีผู้ที่แสดงความคิดเห็นที่เป็นสิทธิของเขา ตนคิดว่ารมว.มหาดไทยก็เสียสติ ไม่สมควรเป็นรัฐมนตรีเลยถ้าหากเป็นจริงอย่างนั้น ส่วนที่ระบุว่าจะให้จังหวัดอุดรธานีเป็นต้นแบบของการปกป้องประชาธิปไตยนั้น เมื่อถึงวันนั้นร.ต.อ.เฉลิมก็จะตกเป็นจำเลยของคนทั้งประเทศ ถ้าพวกตนพิสูจน์ได้ว่า ร.ต.อ.เฉลิมเข้าไปเป็นคนสั่งการ หรือเป็น 1 ในกระบวนการที่เข้าไปยุยง ส่งเสริมให้คนยกพวกมาตีกัน เราก็จะเล่นงาน ร.ต.อ.เฉลิมทางการเมืองอย่างไม่ยั้งมือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรที่รัฐบาลกลับเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดม็อบชนม็อบ นายสุเทพกล่าวว่า ตนยังไม่ชัดเจน เพราะที่ทราบก็มีคนรายงาน แจ้งข่าวให้มาว่ามีความเกี่ยวโยงสัมพันธ์กัน แต่ตนยังไม่ได้รับทราบเอกสาร หลักฐาน พยาน จึงอยากฝากให้พี่น้องประชาชนคนไหนที่เห็นเอกสาร หลักฐานว่ารัฐบาลเข้าไปสั่งการหรือมีส่วนร่วมช่วยกรุณาแจ้งมา ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็เอารัฐบาลนี้ไว้ไม่ได้
“สถานการณ์ขณะนี้เราหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความรุนแรงได้ นายกฯ ต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ดีเป็นพิเศษ นายกฯ สมัครอย่าเอาตัวไปเกี่ยวข้อง แม้จะเคยพูดจาพลั้งเผลอไปบ้าง เรื่องว่าเห็นเขาฆ่ามากแล้ว ผมสั่งให้คนของผมมาฆ่าบ้าง ก็ถือว่าให้ลืมไปเสีย ให้คิดเรื่องของประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นหลัก ประเทศไม่มีวันยุติ หรือสงบได้ ด้วยการฆ่ากัน ปัญหาแก้ไม่ได้ด้วยการฆ่ากันในประเทศ ผมให้โอกาสนายกฯ สมัครให้ลงมาแก้ปัญหานี้อย่าให้คนไทยมาตีกัน ถ้าแก้ไม่ได้ก็เป็นความบกพร่องของนายกฯ สมัครเอง” นายสุเทพกล่าว
นอกจากนี้ นายสุเทพยังกล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร ในฐานะรมว.กลาโหม มีคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพแสดงความเห็นถึงกรณีปราสาทพระวิหารว่า เขาทำได้ เพราะเป็นรมว.กลาโหมมีอำนาจสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาให้แสดงความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่กองทัพก็คงอึดอัด ซึ่งก็ห้ามได้เฉพาะกองทัพ คนอื่นเขาก็พูดกัน มาถึงวันนี้ตนเห็นว่ากองทัพยังวางตัวได้ดี ซึ่งตนคาดหวังว่ายังเป็นกองทัพของประชาชน ของประเทศจริงๆ ไม่ใช่เป็นกองทัพของผู้มีอำนาจ