อุดรธานี -พ่อเมืองอุดรฯ อ้างม็อบถ่อย “ขวัญชัย” ไล่ตีพันธมิตรฯ เหมือนผัวเมียทะเลาะกัน แก้ตัวแทนตำรวจ อ้างไม่ได้นิ่งเฉย แต่กำลังมี 500 ไม่พอคุมคนกว่า 3,000 คนได้ ชี้ คนเจ็บแค่ 10 คน ถือว่าเรื่องเล็กน้อย ยันไม่มีอาวุธร้ายแรง และไม่ได้ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เพราะสั่งการตลอดเวลา หากพันธมิตรฯ อยากฟ้องก็เชิญ
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้เรียกประชุมด่วนทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กลุ่มคนรักอุดร ยกขบวนไปไล่รุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.อุดรธานี ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ จนทำให้กลุ่มพันธมิตรฯได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายราย
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ว่า ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ กลุ่มพันธมิตรฯได้ยกเลิกการปราศรัยไปแล้ว ส่วนกลุ่มคนรักอุดรในช่วงแรกมีการตั้งเวทีปราศรัยขึ้น แต่ขณะนี้ได้ยุติการปราศรัยแล้วในเวลาประมาณ 15.00 น.ซึ่งจังหวัดอุดรธานีอยากขอร้องให้ทุกฝ่ายใช้เหตุและผล ในสถานการณ์ที่รุนแรง
ในความเห็นของตน ไม่อยากให้มาเปิดปราศรัยในช่วงที่กำลังตึงเครียด จริงอยู่ว่าตามหน้าที่ สิทธิและกฎหมายสามารถดำเนินการได้ แต่เมื่อมีเหตุการณ์กระทบกระทั่งเกิดขึ้น ทุกฝ่ายควรจะต้องระมัดระวังต้องดูระยะที่เหมาะสม และสร้างความเข้าใจกันก่อน ตนพยายามประสานกับแกนนำทั้งสองฝ่ายอยากจะให้ทุกอย่างสงบ
“หากจะเปรียบแล้วก็เหมือนสามีภรรยาทะเลาะกัน ต้องรอให้หายโกรธสักพัก จึงค่อยมาพูดจากันดีๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่ได้นิ่งดูดาย ได้ใช้เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง หากมีการเปิดเวทีปราศรัยกันทุกจังหวัด เหมือนช่วงที่ผ่านมาก็เกิดการตีกันแทบทุกจังหวัด จึงต้องการหาวิธีเลี่ยงความรุนแรงร่วมกัน” นายสุพจน์ กล่าวและว่า
เรื่องนี้ ได้รายงานให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทราบถึงรายละเอียดเหตุการณ์แล้ว และ มท.1 ขอร้องไม่ให้ตีกัน ใครจะพูดตรงไหน มท.1 สั่งชัดเจนว่า ให้จัดเวทีห่างๆ กัน กรณีของ จ.อุดรธานี มันมีการกระทบกระทั่งกันมาหลายครั้ง ก่อนที่ตนจะมารับหน้าที่ผู้ว่าฯ โดยมีการพูดคุยกันว่าในที่นี้ ว่า การจะเข้ามาดำเนินการใดๆ อยากจะให้เฉพาะคนอุดรฯ ไม่อยากให้คนต่างถิ่นเข้ามา ซึ่งเป็นข้อขัดแย้งต่างฝ่ายต่างท้าทาย และเป็นเงื่อนไขของการเอาชนะกัน
ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น จังหวัดได้ประสานกับตำรวจ ซึ่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี จะเป็นผู้รับผิดชอบและพูดชัดเจน ว่า กรณีที่มีการกระทำความผิดต้องกระทำการตามกฎหมายเหมือนกัน สำหรับเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นตนต้องพิจารณาประจักษ์พยาน เอกสาร พยานบุคคล พยานวัตถุ จะอาศัยแต่เทปวิดีโอที่บันทึกภาพไว้คงไม่เพียงพอ ตำรวจก็ได้มีการถ่ายภาพเก็บไว้และจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า ได้ดูจากเทปแล้วเห็นว่าตำรวจไม่ได้นิ่งเฉยเหมือนที่เป็นข่าว ตอนที่กลุ่มคนได้กรูกันเข้าไปนั้นทุกคนตั้งแผงกั้น ปิดประตู เวลาคนมากๆ ถึง 3,000 คน สามารถฝ่าด่านเจ้าหน้าที่ที่มีเพียง 500 คนเข้าไป และส่วนตัวเจ้าหน้าที่ ก็ห้ามไม่ให้พกอาวุธโดยเด็ดขาด แต่คนที่เข้ามาชุมนุมก็มีไม้เข้ามาทำร้าย
อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่เข้าไปชาร์ตกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อาจจะเกิดการแย่งตัวกันขึ้น ทุบตีกันอีก ก็จะเป็นการยุ่งยากเข้าไปอีก แต่ทุกขั้นตอนเราได้วางไว้หมด ซึ่งจะมีการตรวจสอบว่าเลือดที่โรงพยาบาล รถพยาบาลของโรงพยาบาลศูนย์ทุกแห่ง เราป้องกันคนที่อยู่ในหนองประจักษ์ เมื่อเกิดเหตุได้ใช้เจ้าหน้าที่เข้าไปล้อมแล้วแบ่งคนรีบออกไป คนออกไม่ทันก็ถูกทำร้าย ถ้าคนไม่กันช่วยจะทำให้เกิดความบาดเจ็บมากกว่านี้
“เหตุการณ์ครั้งนี้เฉลี่ยแล้วเล็กน้อย บาดเจ็บประมาณ 10 คน ในนี้มีตำรวจ 2 คน แต่จริงๆ แล้วไม่อยากให้มีใครบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว ยืนยันว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่คนเดียว เพราะไม่มีอาวุธร้ายแรงแต่อย่างใด และหากมีการชุมนุมกันคราวหน้า จะมีการขอกำลังเสริมมาดูแล อาจขอกำลังจากทหาร ตำรวจหน่วยข้างเคียงมาช่วยหากมีความจำเป็น”ผู้ว่าฯ กล่าวและว่า
ส่วนกรณีที่พันธมิตรฯ จะฟ้องร้องผู้ว่าฯ และผู้เกี่ยวข้องของ จ.อุดรธานี ทั้งหมด นายสุพจน์ ยืนยันว่า ได้ดูแลอย่างเต็มที่ ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตลอดเวลาที่เกิดเหตุได้ติดตามสถานการณ์ และโทรศัพท์สั่งการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตำรวจก็กันอย่างเต็มที่แล้ว กรณีจะเข้าชาร์ต หากเจ้าหน้าที่เข้าไป จะเหมือนเป็นการรุมเจ้าหน้าที่ไปร่วมด้วย จะเป็นปัญหาอีก ทำให้เจ้าหน้าที่ลำบากใจ อยากจะฟ้องก็ฟ้องไป เพราะทำเต็มที่แล้วไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ดาวน์โหลด โดยใช้ FlashGet (56K) | (256K)