เครือข่ายชุมชนเรียกร้องรัฐแก้ปัญหาที่ดินทำกิน-คนไร้สัญชาติ

อุบลราชธานี - องค์กรเครือข่ายในจังหวัดอุบลราชธานี นำสมาชิกเกือบ 500 คน ชุมนุมหน้าศาลากลางให้จังหวัดเปิดเจรจาตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อนของชาวบ้านกับรัฐ พร้อมเรียกร้องให้จัดทำทะเบียนคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ตามชายแดนให้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลและการศึกษา

วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี มีสมาชิกเครือข่ายชุมชนอุบลราชธานี และเครือข่ายชุมชนคนฮักน้ำของ ซึ่งเป็นองค์กรของเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมืองจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 400 คน มาแสดงตัวเรียกร้องให้จังหวัด และรัฐบาลเร่งพิสูจน์สิทธิในที่ดินทำกิน ที่ดินอยู่อาศัย ซึ่งรัฐประกาศเป็นพื้นที่เขตทับซ้อนในที่ดินสาธารณะ ที่ป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งที่ดินในประเภทอื่นของรัฐ เพื่อไม่เกิดข้อพิพาทระหว่างรัฐกับประชาชนที่อาศัยอยู่ทำกินมาก่อนตั้งแต่ในอดีต

นอกจากนี้ ทางเครือข่ายยังเรียกร้องให้รัฐสำรวจคนต่างด้าว (คนลาว) ที่เข้ามาอาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนของประเทศไทย โดยขึ้นทะเบียนแยกออกจากแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ได้รับสิทธิการรักษาพยาบาล การศึกษาที่รัฐจัดให้ รวมทั้งให้สนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรของชุมชน ทั้งด้านการทำกิน ด้านสาธารณูปโภค เพื่อฟื้นฟูวิถีชีวิตของชุมชนที่ล่มสลายจากโครงการพัฒนาต่างๆ ของรัฐด้วย

โดยวันนี้ ชาวบ้านที่เดินทางมาทั้งหมด ต้องการแสดงตัวเป็นผู้มีความเดือดร้อนที่มีตัวตนจริง และต้องการให้จังหวัดร่วมกับรัฐบาลกำหนดช่วงระยะเวลาการดำเนินการแก้ปัญหา มีการตั้งคณะอนุกรรมการที่มีตัวแทนภาครัฐและชาวบ้านทำงานร่วมกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสามารถสำเร็จลุล่วงไป ไม่ปล่อยให้เป็นปัญหาคาราคาซังเหมือนหลายรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่ได้แก้ปัญหาให้กับชาวบ้านที่มาเรียกร้องได้เลย เบื้องต้นกลุ่มผู้ชุมนุมจะได้ส่งตัวแทนเข้าไปพูดคุยกับทางจังหวัด แล้วนำข้อสรุปแจ้งให้ชาวบ้านที่มาชุมนุมทั้งหมดทราบต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมานายสุรพล สายพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงมารับหนังสือข้อมูลความเดือดร้อนของชาวบ้านทุกกรณีปัญหา พร้อมจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้คณะกรรมการทำงานระดับชาติที่รัฐบาลตั้งขึ้น เพื่อนำปัญหาทั้งหมดเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีภายในเดือนธันวาคม 2552

ส่วนปัญหาเฉพาะหน้าที่จังหวัดทำได้ทันที คือ การอนุญาตให้ชาวชุมชนสี่แยกบายพลาสกุดลาด ต.กุดลาด อ.เมือง ซึ่ง อบต.ไม่อนุญาตให้ชาวชุมชนจำนวน 82 ครัวเรือน มีไฟฟ้าน้ำประปาใช้ เพื่อผลักดันให้ออกไปจากพื้นที่สาธารณะประโยชน์ตามมติ ครม.2546

แต่ภายหลังพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินจากภาพถ่ายทางอากาศปี 2496 พบว่า มีการตั้งชุมชนก่อนที่จะมีการประกาศเป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งจังหวัดสั่งให้อำเภออนุญาตให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ติดตั้งมิเตอร์จ่ายกระแสไฟให้ประชาชนแล้ว แต่ อบต.ทำหนังสือคัดค้าน ซึ่งจังหวัดจะได้ลงไปแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ภายใน 1 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านทั้งหมดพอใจพากันเดินทางกลับในเที่ยงวันเดียวกัน