พิจิตร - รมช.กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจสต๊อกข้าวโรงสี พร้อมรับฟังปัญหาเรื่องข้าวจากชาวบ้าน เพื่อหาแนวทางการแก้ไข รับปากหากมีผลผลิตมากพร้อมจัดสรรโควตาจำนำเพิ่ม
รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตร แจ้งว่า นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางมา มาตรวจเยี่ยมโรงสี ร่วมเจริญ 2 ตำบลสำนักขุนเณร อำเภอดงเจริญ จ.พิจิตร เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2552 ว่า ในขณะนี้โควตาโครงการรับจำนำข้าวนาปรังหลังสุดที่รัฐบาลจัดสรรเพิ่มโควตาให้กับจังหวัดพิจิตร มีจำนวนเหลืออีก 65,000 ตัน ซึ่งปริมาณการรับจำนำในขณะนี้ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่จังหวัดประมาณการไว้ว่าน่าจะเพียงพอ
แต่ถ้าข้าวของชาวนาจังหวัดพิจิตร ยังออกมาอีกมาก ไม่เพียงพอกับโควตาที่รัฐบาลจัดสรรให้ ทางรัฐบาลจะพิจารณาให้เป็นกรณีพิเศษ เพราะว่าจังหวัดพิจิตรถือว่าเป็นจังหวัดที่ผลิตข้าวนาปรังมากที่สุดมาเป็นอันดับ 3 ของภาคเหนือ โดยเฉพาะมีรัฐมนตรีของรัฐบาลถึง 3คน และมี ส.ส. ในพื้นที่คอยดูแล ซึ่งถ้าหากว่า คณะอนุกรรมการข้าวแห่งชาติของจังหวัดพิจิตรเสนอเรื่องนี้ไปก็จะพิจารณาเป็นกรณีพิเศษให้
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ชาวนาได้รับความเดือดร้อนเรื่องของการถูกสวมสิทธิ์ในโครงการรับจำนำข้าวนั้น ได้สั่งให้หน่วยตรวจสอบส่วนกลางเข้ามาดูแลพิเศษในทุกจังหวัด เพื่อเป็นการป้องกันในการที่โรงสีหรือชุมนุมสหกรณ์ นำใบรับรองเกษตรกรชาวนามาสวมสิทธิ์ ซึ่งเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้กำชับเป็นกรณีพิเศษ โดยต้องการให้ชาวนาได้ประโยชน์จากโครงการรับจำนำ
เพราะฉะนั้นจึงได้สั่งการให้แต่ละจังหวัดเข้มงวดกวดขันไม่ให้มีการใช้โควตาของชาวนา โดยหลีกเลี่ยงระบบการสวมสิทธิ์ไม่ว่าโรงสี หรือจุดรับจำนำข้าวต่างๆ หากจังหวัดใดมีปัญหาการร้องเรียนมาจะส่งหน่วยตรวจสอบเข้ามาทันที
รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตร แจ้งว่า นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางมา มาตรวจเยี่ยมโรงสี ร่วมเจริญ 2 ตำบลสำนักขุนเณร อำเภอดงเจริญ จ.พิจิตร เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2552 ว่า ในขณะนี้โควตาโครงการรับจำนำข้าวนาปรังหลังสุดที่รัฐบาลจัดสรรเพิ่มโควตาให้กับจังหวัดพิจิตร มีจำนวนเหลืออีก 65,000 ตัน ซึ่งปริมาณการรับจำนำในขณะนี้ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่จังหวัดประมาณการไว้ว่าน่าจะเพียงพอ
แต่ถ้าข้าวของชาวนาจังหวัดพิจิตร ยังออกมาอีกมาก ไม่เพียงพอกับโควตาที่รัฐบาลจัดสรรให้ ทางรัฐบาลจะพิจารณาให้เป็นกรณีพิเศษ เพราะว่าจังหวัดพิจิตรถือว่าเป็นจังหวัดที่ผลิตข้าวนาปรังมากที่สุดมาเป็นอันดับ 3 ของภาคเหนือ โดยเฉพาะมีรัฐมนตรีของรัฐบาลถึง 3คน และมี ส.ส. ในพื้นที่คอยดูแล ซึ่งถ้าหากว่า คณะอนุกรรมการข้าวแห่งชาติของจังหวัดพิจิตรเสนอเรื่องนี้ไปก็จะพิจารณาเป็นกรณีพิเศษให้
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ชาวนาได้รับความเดือดร้อนเรื่องของการถูกสวมสิทธิ์ในโครงการรับจำนำข้าวนั้น ได้สั่งให้หน่วยตรวจสอบส่วนกลางเข้ามาดูแลพิเศษในทุกจังหวัด เพื่อเป็นการป้องกันในการที่โรงสีหรือชุมนุมสหกรณ์ นำใบรับรองเกษตรกรชาวนามาสวมสิทธิ์ ซึ่งเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้กำชับเป็นกรณีพิเศษ โดยต้องการให้ชาวนาได้ประโยชน์จากโครงการรับจำนำ
เพราะฉะนั้นจึงได้สั่งการให้แต่ละจังหวัดเข้มงวดกวดขันไม่ให้มีการใช้โควตาของชาวนา โดยหลีกเลี่ยงระบบการสวมสิทธิ์ไม่ว่าโรงสี หรือจุดรับจำนำข้าวต่างๆ หากจังหวัดใดมีปัญหาการร้องเรียนมาจะส่งหน่วยตรวจสอบเข้ามาทันที
