พิจิตร - ผู้ว่าฯ พิจิตรนำทีมลุยตรวจสต๊อกข้าวโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ 24 แห่งป้องกันการนำข้าวโครงการเก่ามาสวมสิทธิในโครงการใหม่ สั่งทหารเข้าร่วมสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่ชาวนาร้องโรงกลุ่มสหกรณ์สวมสิทธิเยอะทำให้โควตาเต็มเร็ว
วันนี้ (11 มิ.ย.) นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อคส.-ธ.ก.ส. และ พ.อ.ฌาน สิทธิเหรียญชัย รอง ผอ.กอ.รมน จ.พิจิตร ออกสุ่มตรวจโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังของรัฐบาล ในโครงการเก่าที่ผ่านมาจำนวน 24 โรงสี เพื่อตรวจสอบเช็คสต๊อกข้าวว่ามีปริมาณข้าวอยู่ครบถ้วน หรือมากน้อยเพียงใด
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันโรงสีที่เข้าร่วมโครงการนำข้าวในโครงการเก่ามาหมุนเวียนสวมสิทธิเข้าโครงการจำนำใหม่ซึ่งจะทำให้โควตาที่รัฐบาลให้จังหวัดพิจิตรมาจำนวน 79,000 ตันเศษ เต็มเร็วกว่ากำหนด และไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพื่อให้ชาวนาที่กำลังเก็บเกี่ยวข้าวในระยะนี้ได้จำนำข้าวเต็มโควตาอย่างแท้จริงตามที่รัฐบาลกำหนดให้
ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ให้เข้มงวดการสวมสิทธิ หรือตรวจสอบการทุจริตอย่างใกล้ชิดโดยจังหวัดฯ ได้มอบหมายให้ พ.อ.ฌาน สิทธิเหรียญชัย รองผู้อำนวยการ กอ.รมน.ฝ่ายทหารและความมั่นคงจังหวัดพิจิตร นำทหารสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าคอยเฝ้าตรวจสอบและสังเกตการณ์ทุกโรงสี รวมทั้งสถาบันการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่เข้าร่วมโครงการอย่างใกล้ชิดเพื่อความโปร่งใส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีชาวนาในอำเภอสามง่าม และอำเภอวชิรบารมี ร้องเรียนเข้ามาจำนวนมากว่า กลุ่มสหกรณ์หรือสถาบันการเกษตร บางแห่ง ไม่ยอมคืนใบรับรองการเป็นเกษตรกรให้ หลังจากเกษตรกรนำข้าวไปจำนำ แม้ว่าปริมาณข้าวที่จำนำยังไม่เต็มตามโควตาที่มีก็ตาม พร้อมกับห้ามให้ไปจำนำกับโรงสีอื่น
ปัญหาดังกล่าวทำให้เกิดช่องโหว่ในโควตาชาวนาที่เหลือ แล้วสถาบันการเกษตรดังกล่าวจะนำข้าวที่รับซื้อจากชาวนาด้วยเงินสดมาสวมโควตาที่เหลือของชาวนาดังกล่าวแทน ซึ่งจะทำให้โควตารับจำนำข้าวของรัฐบาลที่ให้มากับ จ.พิจิตร เต็มเร็วขึ้น จะส่งผลกระทบกับชาวนาที่จะนำข้าวมาจำนำจริงๆไม่ค่อยได้จำนำในโครงการ
ขณะที่การตรวจสอบสหกรณ์ชาวนา และสถาบันการเกษตรเป็นไปได้ยาก เนื่องจากสถาบันการเกษตรจะใช้วิธีรวบรวมรายชื่อเกษตรกรกันเองแล้วนำมาจำนำอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีสหกรณ์และสถาบันการเกษตรมีการรวบรวมรายชื่อเกษตรกร เพื่อออกใบประทวนเฉพาะกลุ่ม 1 ใบ ต่อ 25 คนอีกด้วย ซึ่งเป็นจุดโหว่ของการทุจริตที่เกิดขึ้นใน จ.พิจิตร ขณะนี้