ระยอง - กรมบังคับคดีจัดงานขายทอดตลาดสินทรัพย์ที่จังหวัดระยอง พร้อมยอมรับวิกฤตเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้มีการยึดทรัพย์เพิ่มขึ้น
วันนี้ (23 มิ.ย.) นายสิรวัต จันทรัฐ อธิบดีกรมบังคับคดี นำทีมงานกรมบังคับจัดงานขายทอดตลาดสินทรัพย์ที่จังหวัดระยอง โดยจัดขึ้น ณ โรงแรมสตาร์ พร้อมเผยว่า การประมูลขายทรัพย์ของจังหวัดระยอง ในปีงบประมาณ 2551 (1 ต.ค.50-30 ก.ย.51) ได้ตั้งเป้าที่จะประมูลขายทรัพย์ออกจำนวน 2,020 ล้านบาท แต่สำนักงานสามารถประมูลขายทรัพย์ได้จำนวน 2,325 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 305 ล้านบาท
จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน ส่งผลให้การประมูลขายสินทรัพย์ของกรมบังคับคดีไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จึงได้ปรับปรุงและกำหนดให้สำนักงานบังคับคดีจังหวัดระยองเพิ่มการประมูลขายสินทรัพย์ สำหรับทรัพย์ที่ยึดได้นั้น ส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วนถึง 90% ซึ่งเป็นการฟ้องบังคับจำนอง ส่วนที่เหลือเป็นสังหาริมทรัพย์ 10% โดยอสังหาริมทรัพย์ประกอบด้วยทรัพย์สินประเภทที่อยู่อาศัย 70%
นายสิรวัต เผยต่อว่า ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจชะลอตัว เชื่อว่า ปี 2553 น่าจะมีการยึดทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่สถาบันการเงินได้เริ่มดำเนินการฟ้องบังคับจำนองบ้างแล้ว และบางส่วนคดีได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดออกมาแล้ว คาดว่า หากสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกยังไม่ฟื้นตัว อัตราการยึดทรัพย์ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (23 มิ.ย.) นายสิรวัต จันทรัฐ อธิบดีกรมบังคับคดี นำทีมงานกรมบังคับจัดงานขายทอดตลาดสินทรัพย์ที่จังหวัดระยอง โดยจัดขึ้น ณ โรงแรมสตาร์ พร้อมเผยว่า การประมูลขายทรัพย์ของจังหวัดระยอง ในปีงบประมาณ 2551 (1 ต.ค.50-30 ก.ย.51) ได้ตั้งเป้าที่จะประมูลขายทรัพย์ออกจำนวน 2,020 ล้านบาท แต่สำนักงานสามารถประมูลขายทรัพย์ได้จำนวน 2,325 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 305 ล้านบาท
จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน ส่งผลให้การประมูลขายสินทรัพย์ของกรมบังคับคดีไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จึงได้ปรับปรุงและกำหนดให้สำนักงานบังคับคดีจังหวัดระยองเพิ่มการประมูลขายสินทรัพย์ สำหรับทรัพย์ที่ยึดได้นั้น ส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วนถึง 90% ซึ่งเป็นการฟ้องบังคับจำนอง ส่วนที่เหลือเป็นสังหาริมทรัพย์ 10% โดยอสังหาริมทรัพย์ประกอบด้วยทรัพย์สินประเภทที่อยู่อาศัย 70%
นายสิรวัต เผยต่อว่า ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจชะลอตัว เชื่อว่า ปี 2553 น่าจะมีการยึดทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่สถาบันการเงินได้เริ่มดำเนินการฟ้องบังคับจำนองบ้างแล้ว และบางส่วนคดีได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดออกมาแล้ว คาดว่า หากสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกยังไม่ฟื้นตัว อัตราการยึดทรัพย์ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง