xs
xsm
sm
md
lg

กาญจน์พร้อมหน่วยแพทย์เดินสายแนะวิธีป้องกันหวัด 2009

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กาญจนบุรี - จังหวัดกาญจนบุรีพร้อมหน่วยแพทย์สาธารสุขจังหวัดออกเดินสายแนะวิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้กับชาวบ้าน

นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด A (H1N1) ว่า องค์การอนามัยโลกรายงานข้อมูลวันที่ 16 มิถุนายน 2552 ตามเวลาในประเทศไทย พบผู้ป่วยใน 74 ประเทศ จำนวน 35,928 ราย เสียชีวิต 163 ราย (เม็กซิโก 108 ราย สหรัฐอเมริกา 27 ราย แคนาดา 4 ราย ชิลี 2 ราย เวสต์แบงก์และฉนวนกาซา 2 ราย คอสตาริก้า สาธารณรัฐโดมินิกัน โคลอมเบีย กัวเตมาลา และโมร็อกโก ประเทศละ 1 ราย) ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1เอ็น1) จำนวน 310 ราย ในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ/จากผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 43 ราย สาเหตุการติดเชื้อไม่ชัดเจน 4 ราย การระบาดในชลบุรี 26 ราย การระบาดในโรงเรียนที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 218 ราย และอยู่ระหว่างการสอบสวน 19 ราย

นายเริงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของจังหวัดกาญจนบุรี เราได้มีการเตรียมความพร้อมในการป้องกันโรคนี้ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด มีการประชุมทีมสอบสวนควบคุมโรคเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) และทีมแพทย์เตรียมความพร้อมป้องกันควบคุมโรคนี้ รวมทั้งประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ (War Room) ทุกวัน เพื่อติดตามและสรุปสถานการณ์โรค จัดประชุมเตรียมความพร้อมและซ้อมแผนรับการระบาดใหญ่โรคไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกระดับจังหวัด

ดังนั้น ตนจึงอยากจะขอฝากข่าวสื่อมวลชนได้ช่วยกันประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ (เอช1เอ็น1) จังหวัดกาญจนบุรีเราได้ประสานไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1-4 เร่งให้ความรู้และคำแนะนำในการป้องกันโรคโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือครูในเวลาเช้าก่อนเข้าห้องเรียนทุกวัน

รวมไปถึงขอความร่วมมือจากสถานประกอบการ โรงพยาบาลเอกชน/คลินิก ร้านขายยาต่างๆให้คำแนะนำและร่วมเป็นเครือข่ายการเฝ้าระวังป้องกันโรค

ด้าน นพ.บุญนำ ชัยวิสุทธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวเพิ่มเติมต่อว่า ทางสาธารสุขจังหวัดกาญจนบุรี เราจัดให้มีการประชุมเครือข่าย อสม.ทุกอำเภอ/ตำบลเพื่อให้ความรู้และเฝ้าระวังโรคในชุมชน รวมทั้งประสานงานไปยังทางสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว, โรงแรม, รีสอร์ต ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี รวมไปถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกาญจนบุรี และตามด่านตรวจคนเข้าเมืองในอำเภอที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่นประเทศพม่าเป็นต้น

ตนจึงอยากจะขอความร่วมมือร่วมใจของประชาชนช่วยเป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวังป้องกันโรคโดยรายงานผู้เข้าพักผู้เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดโรคนี้ที่มีอาการป่วยไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว เพื่อให้ค้นพบผู้ป่วยเร็วที่สุดและให้การเฝ้าระวังรักษาโดยเร็วที่สุด ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนเกิดความมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลที่ดีตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข

นพ.บุญนำ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1เอ็น1) กำลังขยายตัวไปทั่วโลก และขณะนี้ประเทศไทยพบการระบาดภายในประเทศแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานศึกษา และสถานประกอบการ ซึ่งอาจแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้มีอาการคล้ายกันกับไข้หวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่ ส่วนใหญ่มีอาการน้อยและหายได้โดยไม่ต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล

สำหรับผู้ป่วยจำนวนไม่มากในต่างประเทศที่เสียชีวิต มักเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน เป็นต้น ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ โรคอ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และหญิงมีครรภ์

สำหรับวิธีการติดต่อและวิธีการป้องกันโรคจะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรีจึงขอให้คำแนะนำในการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ(เอช1เอ็น1) ดังต่อไปนี้คือ 1.ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ 2.ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น 3.ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัดโดยรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดื่มน้ำมากๆ 4.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 5.ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานาน โดยไม่จำเป็น 6.ติดตามคำแนะนำอื่นๆ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด

ส่วนผู้ป่วยไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่หากมีอาการป่วยไม่รุนแรง เช่น ไข้ไม่สูง ไม่ซึม และรับประทานอาหารได้ สามารถรักษาตามอาการด้วยตนเองที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล ควรใช้พาราเซตามอลเพื่อลดไข้ (ห้ามใช้ยาแอสไพริน) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ ควรหยุดเรียน หยุดงาน จนกว่าจะหายเป็นปกติ และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่นสวมหน้ากากอนามัยเมื่อจำเป็นต้องอยู่กับผู้อื่น หรือใช้กระดาษทิชชู ผ้าเช็ดหน้า ปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ไอ จามล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ

โดยเฉพาะหลังการไอ จาม หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม ควรรีบไปพบแพทย์ด่วน หากประชาชนท่านใดมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี (งานควบคุมโรค) โทร.0-3462-2982-3 ต่อ 120, 122 และติดตามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go.th หรือที่ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-3333 และศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-1994 ตลอด 24 ชั่วโมง
กำลังโหลดความคิดเห็น