ระยอง - สาวใหญ่เมืองระยอง เท้าโต 2 ข้าง เดินลำบาก วอนผู้ใจบุญช่วยผ่าตัดรักษาให้เหมือนเท้าคนปกติทั่วไป
ชีวิตรันทดสาวใหญ่ระยองเท้าโตและนิ้วเท้าผิดมนุษย์ทั้งซ้ายและขวา บริเวณมีก้อนเนื้อยื่นออกมาตั้งแต่เกิด พออายุได้ 7 ขวบ เท้าและนิ้วเริ่มใหญ่ขึ้นอีกทั้งก้อนเนื้อบริเวณก้นก็เริ่มใหญ่ขึ้น ช่วงฤดูหนาวบริเวณฝ่าเท้าเนื้อจะแตกและเป็น ถูกน้ำจะมีอาการปวดแสบ ทรมานสุดๆ ไม่สามารถหาซื้อรองเท้าใส่เวลาเดินได้เป็นปกติ เนื่องจากเท้าโต เวลาเดินจะมีอาการเจ็บแสบสุดจะทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาวใหญ่รายนี้ชื่อ นางสาว วาสนา ขวักไขว่ อายุ 36 ปี พักอยู่บ้านเช่าเลขที่ 48/105 ซอยสุวรรณหงส์ ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ปัจจุบันรับจ้างช่วยขายข้าวแกง หาเลี้ยงตัวเองไปวันหนึ่งๆ ไม่มีเงินรักษา ยิ่งไปกว่านี้เวลาเดินไปขายข้าวแกง ต้องเดินเท้าเปล่า เนื่องจากหาซื้อรองเท้าใหญ่ขนาดนี้ไม่มีขาย ต้องทนเจ็บฝ่าเท้าสุดทรมาน ชาวบ้านเห็นเป็นที่เวทนาสงสาร วอนสื่อมวลชนหาผู้ใจบุญช่วยสงเคราะห์ค่ารักษาพยาบาล
นางสาว วาสนา กล่าวว่า เท้าและนิ้วเท่าใหญ่โตผิดปกติตั้งแต่เกิด และบริเวณก้นก็มีก้อนเนื้อยื่นออกมา ทราบว่าขณะอายุ 7 ขวบ มารดา พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งหมอจะทำการผ่าตัดก้อนเนื้อที่ก้นให้ แต่มารดาไม่ยอม เกรงจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ยังทำใจไม่ได้เนื่องจากขณะนั้นยังเด็กมาก หมอบอกว่า ไม่ได้ป่วยเป็นโรคเท้าช้าง แต่อย่างใดแต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร ต่อมาอายุ 26 ปีได้เข้ารับการรักษาที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ฯ แพทย์ได้ผ่าตัดชิ้นเนื้อที่ก้นซึ่งมีน้ำหนัก ถึง 22 กิโลกรัมออก ส่วนที่ฝ่าเท้ายังไม่สามารถผ่าตัดได้ ตั้งแต่นั้นก็ไม่ได้เข้ารับการรักษาอีกเลย
นางสาว วาสนา กล่าวว่า จะมีอาการปวดน่องตลอดเวลา เพราะต้องรับน้ำหนักฝ่าเท้าที่ใหญ่ และต้องอายกับสายตาของชาวบ้าน เหมือนเห็นว่าตนเองเป็นคนประหลาด นอกจากฝ่าเท้าจะใหญ่แล้ว ยังมีอาการปวดและแสบเมื่อถูกน้ำ เวลาเดินบนถนนในช่วงแดดจัด และยิ่งหน้าหนาว ฝ่าเท้าก็จะแตก และแสบมาก จนไม่สามารถเดินได้ถนัด แต่ก็ต้องทน วอนผู้ใจบุญช่วยรักษาผ่าตัดเท้าและนิ้วเท้าที่ใหญ่โตผิดปกติ ให้มีขนาดเล็กเหมือนคนทั่วไป จะได้ใส่รองเท้าเดินไปทำงานเหมือนคนอื่นบ้าง
นายแพทย์ ปรเมษฐ์ กิ่งโก้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าคนไข้เป็นโรคอะไร ต้องรอให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคเข้ามาตรวจสอบก่อน เพราะโรคเท้าผิดปกติ เกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งตนเองก็จะประสานไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อให้แพทย์ตรวจสอบและหาวิธีรักษาต่อไป”
