น่าน - ตำรวจโรงพักเมืองน่านวุ่น สาวใหญ่แจ้งความเงินแสนตกหาย สอบสวนพบพิรุธหลายอย่าง ตั้งข้อหาแจ้งความเท็จ
เย็นวันที่ 11 มิ.ย.52 ที่ผ่านมา ชุดสืบสวน สภ.เมืองน่าน นำโดย พ.ต.ท.สมศักดิ์ ผิวสลิด สารวัตรสืบสวน พร้อมด้วยชุดสืบสวน พยายามสอบปากคำ น.ส.ฐิตินันท์ ปิ่นธิดา อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/1 ม.1 ต.แม่ลาหลวง อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน หลังจากที่ น.ส.ฐิตินันท์ เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองน่าน ว่าได้ทำเงินกระเป๋าเงินซึ่งมีเงินสดจำนวน 120,000 บาทหล่นหาย ขณะที่เธอและสามี คือนายสมจิต พันชน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 162 ม.5 ต.ปัว อ.ปัว จ.น่าน เดินทางจากอำเภอปัว เพื่อมาที่ศูนย์รถยนต์โตโยต้า ในเขตเทศบาลเมืองน่าน เพื่อเตรียมจะมาชำระค่าส่งงวดรถ และค่าตรวจซ่อมบำรุงรถ
จากการสอบปากคำ น.ส.ฐิตินันท์ ให้การสับสนวกวนจนไม่น่าเชื่อถือ เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามในการสอบสวน ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า น.ส.ฐิตินันท์ และสามี เดินทางมาที่ศูนย์รถยนต์เพื่อจะชำระค่าส่งงวดรถและค่าตรวจซ่อมบำรุง ซึ่งมียอดชำระเงินจำนวน 40,000 กว่าบาท เมื่อถึงเวลาชำระเงิน น.ส.ฐิตินันท์ อ้างว่ามีเงินสดเพียง 33,000 บาท ไม่พอชำระ จึงได้นั่งรถสองแถวโดยสารมาที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาน่าน เพื่อมาถอนเงินเพิ่มเติม และได้ทำกระเป๋าเงินหล่นหายระหว่างเดินทางมาที่ธนาคาร
เมื่อตรวจสอบไปยังธนาคารกสิกรไทย สาขาน่าน ปรากฏว่าไม่พบการเข้าทำรายการของ น.ส.ฐิตินันท์ แต่อย่างใด และตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็ไม่พบว่า น.ส.ฐิตินันท์ เข้ามาภายในธนาคาร ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่พยายามซักไซ้หนักมากขึ้นก็ได้ยอมรับว่าไม่ได้ไปถอนเงินจากธนาคาร เพียงแต่เดินอยู่บริเวณด้านหน้า และยอมรับว่าแจ้งความเท็จว่าเงินหายจำนวน 120,000 บาท แต่ได้ยืนยันว่ากระเป๋าเงินที่มีเงินสดจำนวน 33,000 บาท ได้หล่นหายจริงระหว่างที่มาธนาคาร
เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามถามสาเหตุแรงจูงใจถึงการเข้าแจ้งความเท็จ ซึ่ง น.ส.ฐิตินันท์ อ้างว่า ตั้งใจจะมาถอนเงิน แต่ปรากฏว่าไม่มีรายการโอนเงินเข้ามาจึงไม่มีเงินกลับไปให้สามีชำระเงินที่ค้างกับศูนย์รถยนต์ กลัวสามีเสียใจที่ไม่มีเงิน เพราะสามีเป็นโรคไมเกรน กลัวเครียดและไม่สบาย
แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากตรวจสอบกระเป๋าเป้ของ น.ส.ฐิตินันท์ พบสร้อยคอและแหวนทองคำปลอมหลายรายการ นอกจากนี้ยังพบสมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 1 เล่ม และบัตร ATM จำนวน 1 ใบ ที่มีรายการฝาก-ถอน ในบัญชีเป็นที่น่าสงสัย คือวันที่ 7 เม.ย.52 มีรายการฝากเงินจำนวน 104,000 บาท และมีรายการถอนเงินจำนวนดังกล่าวออกทั้งหมดในวันเดียวกัน และเมื่อนำสมุดบัญชีเล่มดังกล่าวไปปรับบัญชี พบว่า วันที่ 11 มิ.ย. 52 มีรายการฝากเงินเข้าบัญชี จำนวน 25,800 บาท และก็มีรายการถอนเงินออกทั้งหมดในวันเดียวเช่นกัน
แต่ น.ส.ฐิตินันท์ ก็ยืนยันว่าไม่ได้ไปถอนเงินจาก ธ.กรุงไทย สาขาน่าน โดยล่าสุดตัวเลขที่ยังคงบัญชีมีเพียงจำนวนเงิน 25 บาทเท่านั้น ส่วนทองคำปลอมทั้งหมด ตนไว้ใส่เวลาไปธุระออกนอกบ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนพยายามตรวจสอบถึงการประกอบอาชีพและการใช้จ่ายเงินของทั้งคู่ ปรากฏว่าทั้งคู่ไม่มีอาชีพที่แน่นอน และมีการใช้จ่ายประจำเดือนหลายหมื่นบาท
สอบสวนถึงจำนวนเงินที่มีการโอนเข้าบัญชีหลักแสน และหลักหมื่นบาท น.ส.ฐิตินันท์ อ้างว่าเป็นเงินส่วนแบ่งจากการขายหวยใต้ดิน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองน่าน ได้ตั้งข้อกล่าวหาต่อ น.ส.ฐิตินันท์ ว่าได้แจ้งความอันเป็นเท็จ และเตรียมสืบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างละเอียดต่อไป