หนองคาย- ร้านเพชรทองกลางห้างดังเมืองหนองคาย ถูกแก๊งต่างชาติ คาดเป็นชาวฟิลิปปินส์ ทำทีขอดูจี้ทอง ร.5 ก่อนฉวยโอกาสเจ้าของร้านเผลอ ฉกเพชรทองสูญเกือบล้านบาทหนีลอยนวล เจ้าของร้านดูแฟ้มอาชญากรรมจากเจ้าหน้าที่เชื่อตามตัวได้ แต่ติดขัดหลายขั้นตอนตามระเบียบราชการ วอนเจ้าหน้าที่เร่งตามล่าตัว ไม่หวังได้คืนแต่อยากให้ได้รับโทษ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (2 มิ.ย.) นายนิติกรณ์ จิตต์ประสม อายุ 35 ปี เจ้าของร้านเพชรหทัยภัทร ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าห้างสรรพสินค้าเทสโกโลตัส หนองคาย ได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนให้ช่วยกระจายข่าวคนร้ายฉกเพชรทองจากร้านไป พอแจ้งความกับตำรวจและขอดูแฟ้มอาชญากรรมคนร้าย แต่เจ้าหน้าที่ระบุต้องตรวจสอบที่กรุงเทพฯ กลัวเรื่องเงียบหาย
นายนิติกรณ์ เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.ของวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเฝ้าร้านอยู่กับลูกน้อยแค่ 2 คน ได้มีกลุ่มชาวต่างชาติ 4 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน ผิวคล้ำ อายุประมาณ 25-35 ปี โดยหญิง 2 คน เข้ามาทำทีขอดูจี้ทองรูป ร.5 แต่ไม่พูด ใช้ภาษามือในการสื่อสารเท่านั้น ตนพยายามสอบถามทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่ทั้งหมดก็ไม่พูดด้วย ตนก็แปลกใจว่าเป็นชาวต่างชาติเหตุใดจึงสนใจอยากดูจี้ทองรูป ร.5
ขณะเดียวกัน ชายอีก 2 คน ก็ยืนเฝ้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์เครื่องเพชรทอง ทางด้านซ้ายมือของตน พอตนนำแผงจี้ออกมาให้ดูหญิงรูปร่างอ้วน ก็พยายามยื้อแผงจี้ไป ตนก็ยื้อแย่งไว้ เป็นเวลาประมาณ 30 วินาที แต่ทั้งหมดก็ไม่พูดด้วย ตนได้ขอให้ผู้หญิงทั้ง 2 คน คืนแผงจี้ทอง ซึ่งก็ยอมปล่อยแผงจี้ทอง แล้วทั้ง 4 คน ได้เดินปะปนกับผู้ที่มาจับจ่ายซื้อสินค้าออกไปทันที
พอตนหันมาดูเคาน์เตอร์ด้านซ้ายมือ ปรากฏว่า กุญแจที่ล็อกตู้กระจกไว้ถูกเปิดออก สร้อยคอทองคำ ฝังเพชร ประมาณ 20 เส้น สร้อยข้อมือทองคำฝังเพชร 3 เส้น หายไป มูลค่าทั้งหมดประมาณ 1 ล้านบาท พอเห็นดังนั้นตนรีบกระโดดออกจากเคาน์เตอร์วิ่งไปที่ประตู และร้องบอกให้ รปภ.ของห้างช่วยดูอีกทางหนึ่ง
หลังจากนั้น ตนคิดว่าทั้งหมดน่าจะเดินทางไปที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว เพื่อหลบออกนอกประเทศ จึงได้ตามไป และได้ขอให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองช่วยเช็กกล้องวงจรปิด แต่โชคร้ายที่วันนั้นกล้องวงจรปิดทุกตัวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเสีย อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ใช้ไม่ได้ ส่วนกล้องวงจรปิดที่ห้างก็ไม่มี ตนขอตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ขายตั๋วรถจากสะพาน ทราบว่ามีชาวต่างชาติซื้อตั๋วเพื่อเดินทางจากด่านสะพาน จ.หนองคาย ไปยังนครหลวงเวียงจันทน์
ตนจึงได้ประสานกับตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย หวังจะตะครุบตัวทันที แต่รอเกือบ 1 ชั่วโมงก็ไม่พบกลุ่มชาวต่างชาติกลุ่มนั้น คาดว่าจะเป็นการซื้อตั๋วหลอกว่าจะขึ้นรถ เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคายช่วยตรวจบุคคลเข้าออก พบว่า มีหญิงสาว ชื่อ อานาลินน์ อิกนาซิโอ บรูซ (ANALYNN IGNACIO BRUCE) ชาวฟิลิปปินส์ อายุประมาณ 44 ปี รูปร่างหน้าตาคล้ายกับหญิงสาวหนึ่งในแก๊งที่ก่อเหตุ ได้เดินทางจากประเทศลาว เข้ามา จ.หนองคาย ช่วงเช้าวันที่ 29 พ.ค.กลับไปลาวช่วงสาย และเดินทางกลับมาอีกในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน แต่ยังไม่ได้ประทับตรากลับไปยังประเทศลาว
นายนิติกรณ์ กล่าวอีกว่า หลังจากแจ้งความแล้ว ตนต้องการดูแฟ้มอาชญากรรม เพราะเกรงว่าจะเป็นแก๊งเดียวกับที่ตระเวนก่อเหตุที่กรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัด แต่ทางตำรวจในพื้นที่แจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องตรวจสอบที่กรุงเทพฯเท่านั้น ตนจึงต้องการให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการติดตามตัวแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ให้
แต่ไม่หวังจะได้เครื่องเพชรทองคืน แค่อยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้ไม่ให้ไปก่อเหตุกับใครอีก