พิษณุโลก - ม้งเข็กน้อยบุกทัพภาค 3 อ้างเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ขอที่ดินทำกินเขาค้อ-เพชรบูรณ์ พร้อมเตรียมตบเท้าเข้าพบ “นายกฯ-พล.อ.เปรม” ต้นเดือนหน้า ทวงสัญญาตามนโยบาย 66/23 ด้าน รอง มทภ.3-ผอ.กองข่าว ขอตรวจสอบบุคคลย้อนหลัง 25 ปี จากอดีต ผกค. ก่อนนำเสนอกองอำนวยการความมั่นคงภายในช่วย
วันนี้ (27 พ.ค.) กลุ่มชาวม้งเข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 72 คน นำโดยนายก้าตัว แซ่สง และนายหน่อใจ แซ่หลอ เดินทางด้วยรถยนต์จำนวน 9 คันมายังกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จ.พิษณุโลก เพื่อยื่นหนังสือและขอเข้าพบกับ พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 เพื่อจะขอกลับเข้าไปที่ทำกินในพื้นที่เดิมของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ชาวไทยเชื้อสายม้ง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งกลุ่มม้งดังกล่าวอ้างตัวเองว่าเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) แต่ตกสำรวจไม่มีที่ทำกิน จะขอให้กองทัพภาคที่ 3 จัดสรรที่ดินทำกินให้ใหม่
จากนั้นกองทัพภาคที่ 3 ได้ให้ตัวแทนผู้เดือดร้อนยื่นข้อเสนอกับ พ.อ.พัฒนา มาตร์มงคล ผอ.กองข่าว กองทัพภาคที่ 3 ใช้เวลาเจราจารับข้อเดือดร้อนประมาณ 1 ชั่วโมง
ต่อมา พล.ต.ธงชัย เทพารักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เป็นปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งทุกคนพยายามที่จะดำรงชีวิตที่ดีขึ้นไปเรื่อยๆ กองทัพภาคที่ 3 รู้ปัญหานี้ ได้มีคณะทำงานจะช่วยแก้ปัญหานี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เพื่อไม่ให้ขยายไปเป็นปัญหาความขัดแย้งในสังคม
พ.อ.พัฒนา มาตร์มงคล ผอ.กองข่าว กองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ผู้แทนกลุ่มม้งที่บ้านเข็กน้อยมาพบกองทัพในวันนี้ ประเด็นแรกคือ ขอร้องให้กองทัพภาคที่ 3 เป็นตัวกลางในการจะขอให้รัฐบาลให้การช่วยเหลือปัญหาที่ทำกิน คนกลุ่มนี้มี 50 คน และในอดีตเคยอยู่ร่วมพัฒนาชาติไทย คือเคยเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ บ้านเข็กน้อย แต่ตกสำรวจ เนื่องจากว่าบางคนไม่ได้เข้ามอบตัว เมื่อ 25 ปีที่ผ่านมา วันนี้ได้มายื่นร้องขอกองทัพเป็นตัวกลางในการประสานงาน
เบื้องต้น ทภ.3 รับจะดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นตรวจสอบ สถานะของกลุ่มคนทั้ง 50 คน ว่าในอดีตบุคคลเหล่านี้เคยอยู่ร่วมในการปฏิบัติงานกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยหรือไม่ อันจะครอบคลุมพื้นที่รอยต่อ จ.พิษณุโลก จ.เพชรบูรณ์ และบางส่วนของ จ.เลย หลังจากกองทัพได้ตรวจสอบสถานะเรียบร้อยแล้ว ก็จะยืนยันกลับไปให้ทางด้านผู้เรียกร้องได้รับทราบ และส่งเรื่องทั้งหมดผ่านทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่เป็นกลไกศูนย์ประสานงานการปฏิบัติรับผิดชอบ หน่วยงานระดับนโยบาย หรือประเทศกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
“เมื่อ 25 ปีที่แล้วกองทัพภาคที่ 3 เป็นกลไกหนึ่ง ในการที่จะรับรายงานการมอบตัว มีหน่วยที่เรียกว่า ศูนย์การุณยเทพ รับรายงานตัว และจะมีข้อมูลรายงานตัวบุคคล แต่เนื่องจากยังมีบางคน ไม่ได้เข้ามอบตัว ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้จากผู้ที่เป็นอดีต ผกค.ด้วยกันเอง เป็นผู้ที่ร่วมปฏิบัติงาน หรือเข้าร่วมอยู่กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย”
พ.อ.พัฒนา กล่าวว่า ม้งกลุ่มนี้ มีเคหสถานอยู่แล้ว โดยอาศัยอยู่กับญาติพี่น้อง หรือก็เช่าที่ดินจากญาติพี่น้อง หรือพวกเดียวกัน บางคนมีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดมีฐานะดี ตอนนี้พอใจต้องการหลักประกัน ทางกองทัพให้คำมั่นว่า ทุกขั้นตอนในการ พิสูจน์ จะเรียกมารับทราบ และจะแจ้งให้ทราบทุกระยะ เบื้องต้นตรวจสอบว่าเป็นคนมีสถานะเป็นอดีต ผกค.ในพื้นที่นี้หรือไม่ ขั้นต้นพอใจ มีการแต่งตั้งตัวแทน แลกเปลี่ยนการสื่อสารกับผู้นำโดยตรงมีการพูดคุยกันเข้าใจ
พ.อ.พัฒนา กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าไม่มีสถานะเป็น อดีต ผกค.มาก่อน จะได้รับความช่วยเหลือจากความมั่นคง ก็มีฐานะเป็นคนไทยคนหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ในรูปแบบที่เสมอภาคกับประชาชน ที่รัฐทำอยู่ก็คือ ส.ป.ก.4-01 เพราะฉะนั้นทางกองทัพดูแลก็คือ การตรวจสอบว่าเป็นผู้ตกสำรวจหรือไม่ ต้องใช้เวลาพอสมควร ต้องนำหลักฐานประวัติทั้งหมดมาให้กองทัพ กองทัพจะตั้งคณะทำงานตรวจสอบ ถ้ามีรายชื่อจริงก็ไม่ต้องตรวจสอบมาก รายชื่อผู้มอบตัวเป็นหลักฐานแน่นอน ถ้าไม่มีต้องมีการสอบจากประวัติการบอกเล่าของบุคคลที่เป็นอดีต ผกค. ซึ่งต้องอาศัยผู้อาวุโสตำแหน่งใหญ่ ในพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในสมัยก่อน กับหลักฐานที่เก็บไว้มาแสดง ระยะเวลาขึ้นอยู่กับการส่งหลักฐาน
นายเบี้ยจอ แซ่ซ่ง อาชีพรับจ้าง เลขที่ 213 ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ เพชรบูรณ์ ระบุว่า ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง ต้องเช่าที่คนอื่น ไม่มีที่อยู่อาศัยมั่นคงถูกต้องตามกฎหมาย ขาดโอกาสการศึกษา รายได้ไม่แน่นอน ปุ๋ยแพง ต้องการให้รัฐจัดสรรที่ดินทำกินตามนโยบาย 66/23 ต้องการเงินทุน และเสรีภาพเท่าเทียมกัน โดยจะขอกลับไปที่เดิมคือ นาภูชัย ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ เพชรบูรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มม้งเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ระบุอีกว่า มีสมาชิกจำนวน 100-150 คน จะขอเข้าพบ ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีวันที่ 3 มิถุนายน 2552 เพื่อยื่นข้อเสนอและเร่งรัดการแก้ปัญหา และวันที่ 10 มิถุนายน 2552 จะเข้าพบฯพณฯเปรม ติณสูลานนท์ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เพื่อขอความช่วยเหลือและขอความเป็นธรรมตามนโยบาย 66/23