เชียงราย - “ไทย-ลาว-จีน” ได้ที่ปรึกษาสร้างสะพานข้ามน้ำโขงเชื่อม R3a แล้ว คาดเดินหน้าเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างได้เร็ววันนี้ ก่อนตอกเสาเข็มได้ตามกำหนดในปีหน้า (2553) ขณะที่ท่าเรือเชียงแสน 2 เริ่มขั้นตอนถมดินแล้ว เชื่ออีก 2 ปีทั้ง 2 โปรเจกต์เสร็จ ทำการค้าในกรอบ GMS เติบโตอีกมาก จากที่ขยายตัวสวนทางเศรษฐกิจโลกอยู่แล้ว ด้าน “ณรงค์ชัย” ชี้การเมืองไทย ทำอนาคตเศรษฐกิจชาติง่อนแง่น
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า บริษัทสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บยส.) ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ได้จัดโครงการเรนโบว์แฟร์ จ.เชียงราย ณ ห้องดอยตุง โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ทเชียงราย เมื่อเร็วๆ นี้ ภายในงานนอกจากจะมีสถาบันการเงินต่างๆ ร่วมเปิดบูทแล้ว ยังจัดให้มีการเสวนาในหัวข้อ “การค้าชายแดนโอกาสในวิกฤต” โดยมีผู้เข้าร่วมประกอบไปด้วย รศ.ดร.ปรีชา อุปโยคิน ผู้อำนวยการศูนยฺ์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ดร.ณัฐพรพรรณ อุตมา อาจารย์ประจำสำนักวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นายพัฒนา สิทธิสมบัติ กรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ และนายวิรุณ คำภิโล ประธานหอการค้า จ.เชียงราย มีผู้เข้าร่วมรับฟังกว่า 500 คน
นายพัฒนากล่าวว่า ปัจจุบันทุกฝ่ายรับรู้ถึงวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกและประเทศไทย ขณะเดียวกัน ในส่วนของภูมิภาคก็มองลึกลงไปอีกว่าเชียงรายจะอยู่รอดอย่างไร ภายใต้ศักยภาพที่จังหวัดมีอยู่ ซึ่งผู้เข้าร่วมเสวนาทุกคนต่างแสดงความเห็นว่าเชียงรายมีโอกาสอยู่รอดด้วยภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยกว่าโดยเฉพาะด้านการมีช่องทางการค้าชายแดนที่จะพัฒนาเพิ่มมากขึ้นด้วย
สิ่งที่เป็นรูปธรรมคือ ล่าสุดตัวเลขการค้าชายแดนทั้ง 3 ด่านพรมแดนใน จ.เชียงราย ไม่ได้ลดลงแต่กลับเพิ่มมากขึ้น และโครงสร้างพื้นฐานมีการพัฒนาไปสู่รูปธรรมชัดเจนมากขึ้น โดยในส่วนของสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมกับถนน R3a ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อเชื่อม “คุน-มั่ง กงลู่” หรือถนนกรุงเทพฯ-คุนหมิง มณฑลหยุนหนัน พบว่าประเทศไทย สปป.ลาว และประเทศจีน ได้แต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษาเพื่อการก่อสร้างสะพานดังกล่าวอย่างเป็๋นทางการแล้ว
นายพัฒนากล่าวอีกว่า ตามโครงการระบุว่าภายใน 2 เดือนนี้บริษัทที่ปรึกษาจะดำเนินการในรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้มีการประมูลหาเอกชนเข้าก่อสร้างสะพาน จากนั้นเอกชนที่ได้รับประมูลก่อสร้างก็จะเริ่มตอกเสาเข็มก่อสร้างอย่างเป็นทางการได้ตามกำหนดในปี 2553 อย่างแน่นอนเต็ม 100% ภายใต้งบประมาณที่ตั้งเอาไว้ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ แบบแปลนของสะพานนั้นมีการออกแบบให้มี 4 ช่องจราจรๆ ละ 7 เมตร และมีไหล่ทางข้างละ 2.50 เมตร และมีเกาะกลางถนนกว้าง 4.20 เมตร ซึ่งจะช่องตรงกลางดังกล่าวคาดว่าจะใช้สำหรับเป็นระบบรางเพื่อรองรับรถไฟในอนาคต
นายพัฒนากล่าวด้วยว่า นอกจากนี้โครงการก่อสร้างท่าเรือในแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 ที่ปากแม่น้ำกก หมู่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน เนื้อที่ 402.3 ไร่ ก็เริ่มดำเนินการแล้วด้วยงบประมาณ 1,546.4 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้เริ่มถมดิน เพื่อปรับสถานที่หลังจากได้เอกชนที่ประมูลรับเหมาก่อสร้างไปแล้ว ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า ภายในระยะเวลาอันใกล้เมื่อทั้ง 2 โครงการแล้วเสร็จ ก็จะมีช่องทางการค้ากับประเทศจีนมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้เงินสกุลหยวนเข้ามามีบทบาทแทนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อันจะทำให้เศรษฐกิจการค้ามีทางเลือกและหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาตามกรอบโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ GMS (Greater Mekong Sub region) ในแผนงานพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor) ด้วย
ส่วนการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ทางรอด SMEs ไทย ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจ” โดย ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และอดีต รมว.กระทรวงพาณิชย์ ดร.ณรงค์ชัย บรรยายโดยมีเนื้อหาว่า ประเทศไทยมีการส่งออกมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านทั่วไปถึง 3 เท่า โดยเฉพาะมุ่งไปที่ตลาดสหรัฐอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่น แต่ผลของวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงตั้งแต่เดือน กันยายน2551 เป็นต้นมาทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวในรอบ 60 ปี ทำให้กระทบต่อการส่งออกของไทยอย่างต่อเนื่อง
ตนเห็นว่าในปี 2552 นี้ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยจะตกต่ำลงไปอีกโดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP นั้นอาจจะติดลบ 1-3 อย่างไรนั้นไม่มีใครรู้แต่ลดลงแน่นอน กระนั้นถ้ารัฐบาลดำเนินการตามแผนที่ได้วางเอาไว้ไปถึงปี 2555 ก็อาจจะทำให้ตัวเลขไม่ติดลบมากถึงขั้น 5% อย่างที่กลัวกัน แต่ก็ยังไม่มั่นใจเพราะการเมืองมักจะทำให้ทุกอย่างพัฒนาได้ยากมาก
