ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกสมาคมสนามกอล์ฟภาคตะวันออก ระบุสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจโลกทำผลกำไรจากการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการ 17 แห่งในพื้นที่หายไปไม่น้อยกว่า 20-30% ถือเป็นการสูญผลกำไรครั้งแรกในรอบ 5 ปีหลังธุรกิจนี้ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เตรียมคลอดแผนตลาดทั้งระยะสั้น-ยาว พร้อมจัดโรดโชว์ในต่างประเทศชูจุดขายการเป็นสนามกอล์ฟและรีสอร์ต ที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อศักยภาพทั้ง 17 สนามมีพร้อม
นายกุลธร มีสมมนต์ นายกสมาคมผู้บริหารสนามกอล์ฟภาคตะวันออก เผยถึงสถานการณ์ของธุรกิจสนามกอล์ฟในพื้นที่ซึ่งประกอบด้วยผู้ประกอบการสนามกอล์ฟขนาดต่างๆ จำนวน 17 แห่งว่า ขณะนี้ภาพรวมการประกอบธุรกิจเริ่มดีขึ้น ประมาณ 5% หลังจากที่ผ่านมาต้องประสบปัญหา ทั้งจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ลุกลามไปทั่วโลกและปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ จนทำให้ผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการหายไปจากเดิมที่เคยได้ในช่วง 5 ปีก่อนประมาณ 10-30 % ถือเป็นการสูญผลกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ธุรกิจสนามกอล์ฟภาคตะวันออกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“การดำเนินธุรกิจของสนามต่างๆ ขณะนี้เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะทั่วโลกให้ความ สำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจสนามกอล์ฟในภาคตะวันออกถือว่ามีการเติบโตมากที่สุดในประเทศ เนื่องจากจำนวนสนามที่มีประมาณ 17 สนาม สามารถรองรับความต้องการของนักกอล์ฟทุก ระดับได้อย่างเพียงพอ ขณะที่การจับมือกันของผู้ประกอบการในพื้นที่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสนามและงานบริการ รวมทั้งยังมีแผนส่งเสริมตลาดในต่างประเทศอีกด้วย”
สำหรับแผนส่งเสริมการตลาดในปี 2552 จะเริ่มตั้งแต่แผนระยะสั้นที่จะจัดให้มีกิจกรรมสปอร์ตเดย์ ซึ่งทุกสนามจะส่งเสริมให้ทุกวันธรรมดาเป็นวันสปอร์ตเดย์ รวมทั้งเปิดโอกาสให้นักกอล์ฟได้มีสิทธิ์จับสลากเพื่อรับส่วนลดพิเศษกว่า 70% และจะทำการประชาสัมพันธ์กิจกรรมดังกล่าวผ่านสถานีวิทยุต่างๆ ร่วมกับคณะกรรมการฟื้นฟูเศรษฐกิจเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อดึงนักกอล์ฟและนักท่องเที่ยวชาวไทยให้กลับมาใช้บริการ
นอกจากนั้น ทุกสนามยังจะปรับปรุงพื้นที่สนามของตนเพื่อยกระดับสนามกอล์ฟให้มีศักยภาพและสามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้น เพื่อชูจุดขายการเป็นหนึ่งในสนามกอล์ฟ และรีสอร์ตที่ดีที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วนแผนตลาดระยะยาว คือ การจัดโรดโชว์ในต่างประเทศ ที่มีกลุ่มนักกอล์ฟหลักอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา (ททท.) เพื่อทำกิจกรรมส่งเสริมการขายหลังปัญหาต่างๆ ทำให้กลุ่มนักกอล์ฟเหล่านี้หายไป และคาดว่าจากการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวรวมถึงการชูจุดขายด้านการเป็นสนามกอล์ฟและรีสอร์ต ที่ดีที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะทำให้กลุ่มนักเล่นกอล์ฟต่างชาติกลับเข้ามาใช้บริการสนามกอล์ฟในภาคตะวันออกอีกครั้งในช่วงไฮซีซันนี้อย่างแน่นอน
นายกุลธร มีสมมนต์ นายกสมาคมผู้บริหารสนามกอล์ฟภาคตะวันออก เผยถึงสถานการณ์ของธุรกิจสนามกอล์ฟในพื้นที่ซึ่งประกอบด้วยผู้ประกอบการสนามกอล์ฟขนาดต่างๆ จำนวน 17 แห่งว่า ขณะนี้ภาพรวมการประกอบธุรกิจเริ่มดีขึ้น ประมาณ 5% หลังจากที่ผ่านมาต้องประสบปัญหา ทั้งจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ลุกลามไปทั่วโลกและปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ จนทำให้ผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการหายไปจากเดิมที่เคยได้ในช่วง 5 ปีก่อนประมาณ 10-30 % ถือเป็นการสูญผลกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ธุรกิจสนามกอล์ฟภาคตะวันออกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“การดำเนินธุรกิจของสนามต่างๆ ขณะนี้เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะทั่วโลกให้ความ สำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจสนามกอล์ฟในภาคตะวันออกถือว่ามีการเติบโตมากที่สุดในประเทศ เนื่องจากจำนวนสนามที่มีประมาณ 17 สนาม สามารถรองรับความต้องการของนักกอล์ฟทุก ระดับได้อย่างเพียงพอ ขณะที่การจับมือกันของผู้ประกอบการในพื้นที่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสนามและงานบริการ รวมทั้งยังมีแผนส่งเสริมตลาดในต่างประเทศอีกด้วย”
สำหรับแผนส่งเสริมการตลาดในปี 2552 จะเริ่มตั้งแต่แผนระยะสั้นที่จะจัดให้มีกิจกรรมสปอร์ตเดย์ ซึ่งทุกสนามจะส่งเสริมให้ทุกวันธรรมดาเป็นวันสปอร์ตเดย์ รวมทั้งเปิดโอกาสให้นักกอล์ฟได้มีสิทธิ์จับสลากเพื่อรับส่วนลดพิเศษกว่า 70% และจะทำการประชาสัมพันธ์กิจกรรมดังกล่าวผ่านสถานีวิทยุต่างๆ ร่วมกับคณะกรรมการฟื้นฟูเศรษฐกิจเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อดึงนักกอล์ฟและนักท่องเที่ยวชาวไทยให้กลับมาใช้บริการ
นอกจากนั้น ทุกสนามยังจะปรับปรุงพื้นที่สนามของตนเพื่อยกระดับสนามกอล์ฟให้มีศักยภาพและสามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้น เพื่อชูจุดขายการเป็นหนึ่งในสนามกอล์ฟ และรีสอร์ตที่ดีที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วนแผนตลาดระยะยาว คือ การจัดโรดโชว์ในต่างประเทศ ที่มีกลุ่มนักกอล์ฟหลักอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา (ททท.) เพื่อทำกิจกรรมส่งเสริมการขายหลังปัญหาต่างๆ ทำให้กลุ่มนักกอล์ฟเหล่านี้หายไป และคาดว่าจากการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวรวมถึงการชูจุดขายด้านการเป็นสนามกอล์ฟและรีสอร์ต ที่ดีที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะทำให้กลุ่มนักเล่นกอล์ฟต่างชาติกลับเข้ามาใช้บริการสนามกอล์ฟในภาคตะวันออกอีกครั้งในช่วงไฮซีซันนี้อย่างแน่นอน