ศูนย์ข่าวศรีราชา –“เครือเกษมกิจ ”ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจรวมทั้งการปรับลดค่าใช้จ่ายของโรงงานอุตสาหกรรมจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก จะทำให้ผลประกอบการของโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ในเครือรวม 11 แห่งทั่วประเทศลดลงจากปีก่อนประมาณ 20% อย่างไรก็ดี ไม่มีแผนชะลอการก่อสร้างโรงแรม 3 แห่งระดับ 4-5 ดาวมูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท ในจังหวัดระยอง ปราจีนบุรี และพระนครศรีอยุธยา ที่จะเปิดให้บริการในปี 52 โดยล่าสุดได้เปิดบริการ “แคนทารี โฮเทล แอนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์” เนื้อที่รวม 160 ไร่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนอีก 2 แห่งพร้อมเปิดบริการในเดือนมิถุนายนและสิงหาคมตามลำดับ
นายวิวัฒน์ ตั้งจิตกอบบุญ ผู้อำนวยการกลุ่มโรงแรมในเครือแคนทารีกรุ๊ป คามิโอและเคป ภายใต้การบริหารงานของบริษัท เกษมกิจ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และห้องพักรายใหญ่ซึ่งปัจจุบันมีโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 11 แห่งทั่วประเทศ และกำลังจะเปิดเพิ่มอีก 2 แห่งในปีนี้ เผยถึงรายได้จากการดำเนินธุรกิจด้านห้องพักและงานบริการในปี 2552ว่า อาจลดลงจากปีก่อนประมาณ 20%
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ลุกลามไปทั่วโลกจนทำให้เกิดการปิดตัวของโรงงานอุตสาหกรรมที่เกิดจากการลงทุนของชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นลูกค้าหลักที่ทำสัญญาเข้าพักระยะยาว ที่ขณะนี้บางส่วนเริ่มประหยัดค่าใช้จ่ายและเริ่มส่งผู้บริหารรวมทั้งวิศวกรในส่วนไลน์ผลิตที่ลดน้อยลงกลับประเทศ
ไตรมาสแรกของปี 2552 แม้จะยังไม่มีการสรุปตัวเลขผลประกอบการออกมาเป็นที่แน่ชัด แต่ก็พอประเมินได้ว่า อัตราการเข้าพักรวมทั้งยอดรายได้ของกลุ่มน่าจะลดลง และแม้ว่ายอดรายได้ในปี 2552 จะลดลงแต่ภาพการเติบโตทางการลงทุนของกลุ่มกลับเพิ่มขึ้นจากการที่ไม่ชะลอแผนก่อสร้างต่างๆ
“ช่วงที่มีการก่อความรุนแรงของกลุ่มคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ โรงแรมและที่พักของเราซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ก็ยังโชคดีที่กลุ่มชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ซึ่งพักยาวกับเราในโรงแรมและที่พักซึ่งตั้งอยู่ต่างจังหวัด และเขตนิคมอุตสาหกรรมไม่ค่อยกังวลเพราะเห็นว่าห่างไกลจากตัวเขา อย่างไรก็ดีผล กระทบทางเศรษฐกิจทำให้ยอดเข้าพักของชาวญี่ปุ่นหายไป เราจึงต้องเบนเข็มการตลาดมาที่กลุ่มประชุมและสัมมนาในต่างจังหวัดแทน ขณะเดียวกันก็เพิ่ม VALUE ในการเข้าพักด้วยการเพิ่มสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าและปรับปรุงห้องพักต่างๆ ที่มีให้มีความสวยงามอยู่ตลอดเวลา ซึ่งงบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แต่ละปีเราตั้งไว้ค่อนข้างสูง”
นายวิวัฒน์ยังเผยอีกว่า แม้ภาพรวมผลประกอบการและรายได้ของกลุ่มโรงแรมในเครือแคนทารีกรุ๊ป คามิโอและเคปในปี 2552 จะลดลง แต่เครือเกษมกิจก็ไม่มีเป้าหมายที่จะปรับลดหรือยกเลิกแผนก่อสร้างโครงการต่างๆ ที่ถูกวางไว้ในระยะยาว โดยเฉพาะการก่อสร้างโรงแรม 3 แห่งระดับ 4-5 ดาวมูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาทในจังหวัดระยอง ปราจีนบุรีและพระนครศรีอยุธยาที่จะต้องเปิดให้บริการในปี 52 และล่าสุดได้เปิดบริการ “แคนทารี โฮเทล แอนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์” เนื้อที่รวม 160 ไร่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนอีก 2 แห่ง พร้อมจะเปิดบริการในเดือนมิถุนายนและสิงหาคมตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการแข่งขันในธุรกิจที่พักโดยเฉพาะโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์จะรุนแรงขึ้น แต่รูปแบบการบริหารธุรกิจของเครือเกษมกิจ ก็ยังคงให้ความสำคัญกับการทุ่มงบประมาณในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่เปิดให้บริการรวมถึงการปรับสภาพพื้นที่ภายในห้องพัก ทั้งการปรับปรุงเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ทันสมัยและเพิ่มในตัวที่ขาดเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้เข้าพัก ที่สำคัญคือการทุ่มงบประมาณในการจัดทำโฆษณาเพื่อเผยแพร่สินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ทั่วประเทศให้เข้าถึงกลุ่มผู้เข้าพักเพิ่มขึ้น
อนึ่ง ในปี 2551 เครือเกษมกิจ ตั้งเป้าขยายการพัฒนาโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ในเครือแคนทารีกรุ๊ปและคามิโอ ซึ่งเป็นที่พักระดับ 5 และ 4 ดาวให้มาก จึงตั้งงบประมาณในการก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่เพิ่มอีก 3 แห่ง ประกอบด้วยโรงแรมคามิโอ ระยอง ซึ่งเป็นการซื้ออาคารเก่าใกล้กับโรงแรมระยองออร์คิด เพื่อนำมาปรับปรุงใหม่ให้เป็นโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ขนาด 4 ดาวครึ่ง จับตลาดผู้เข้าพักอาศัยระดับกลางและผู้บริหารที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมโดยรอบ
เช่นเดียวกับที่จังหวัดปราจีนบุรี ที่ใช้งบลงทุนอีกไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่ระดับ 4 ดาวครึ่งถึง 5 ดาวบริเวณสี่แยกกบินทร์บุรี โดยใช้ชื่อว่า แคนทารี โฮเทล แอนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เพื่อจับกลุ่มผู้บริหารในนิคมอุตสาหกรรมของจังหวัดปราจีนบุรี และรองรับตลาดสัมมนารวมถึงนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวยังเขาใหญ่
ส่วนโรงแรมแห่งใหม่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้ชื่อ แคนทารี โฮเทล แอนด์เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ พระนครศรีอยุธยา โรงแรมแห่งนี้มีเนื้อที่รวม 160 ไร่ มูลค่าการลงทุนกว่า 400 ล้านบาท รองรับการใช้บริการของพนักงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ในพื้นที่