xs
xsm
sm
md
lg

“มิราม่าร์” โรงแรมคู่เจริญกรุง รีแบรนด์ตำนานใส่สไตล์โมเดิร์น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว โรงแรม“มิราม่าร์” (Miramar) สร้างปรากฏการณ์เป็นโรงแรมแห่งแรกในย่านถนนเจริญกรุง ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเป็นหัวหอกบุกเบิกธุรกิจโรงแรมเพื่อรองรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักในละแวกนี้ สามารถเติบโต และยืนหยัดควบคู่กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจบนถนนสายนี้ ก่อนที่ธุรกิจโรงแรมอื่นๆ ทั้งขนาดย่อม กลาง และใหญ่จะทยอยเปิดตามกันมาราวกับดอกเห็ด

ปัจจุบัน โรงแรมมิราม่าร์ยังตั้งอยู่ตำแหน่งเดียวกับตอนเริ่มต้น ทว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปราวหน้ามือเป็นหลังมือ คือ การตกแต่งสถานที่ทั้งภายในและภายนอก พลิกโฉมจากโรงแรมรูปแบบโบราณมาเป็นสไตล์โมเดิร์น เบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นฝีมือของ “อรจิรา สันติวราคม” ทายาทรุ่น 3 ที่เข้ามารับไม้ต่อ พร้อมกับแนวคิดรีแบรนด์ธุรกิจเสียใหม่

อรจิรา สันติวราคม
อรจิรา อธิบายเหตุผลการรีแบรนด์โรงแรมว่า ข้อแรกมาจากสภาพของสถานที่ ซึ่งล่วงโรยไปตามกาลเวลา ถึงควรแก่การปรับปรุงใหม่ และประการสอง ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญ คือ ต้องการสร้างความแตกต่างจากโรงแรมอื่นๆ ในย่านนี้ รวมถึงขยายฐานหาลูกค้ากลุ่มใหม่ด้วย
ส่วนล็อบบี้ ก่อน (ซ้าย) และหลังปรับปรุง
“จากเดิมมิราม่าร์เป็นธุรกิจโรงแรมแห่งเดียวในย่านนี้ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีผู้ประกอบการรายอื่นๆ ทั้งเป็นโรงแรมขนาดกลางคล้ายกับเรา หรือบูติกโฮเต็ล และเกสต์เฮาส์เล็กๆ เกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก หากเรายังไม่ปรับตัว ภาพที่คนทั่วไปพอพูดถึงโรงแรมมิราม่าร์ ก็จะติดภาพว่าเป็นโรงแรมเก่า หากเราไม่รีบปรับตัว อาจไม่สามารถแข่งขันกับธุรกิจโรงแรมอื่นๆ ได้” ทายาทรุ่น 3 กล่าว และอธิบายต่อว่า
ภายนอกอาคารปรับปรุงใหม่เช่นกัน
“การรีแบรนด์ ดิฉันพยายามใช้จุดเด่นที่เรามีอยู่แล้ว คือ ชื่อเสียงยาวนาน กับทำเลอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น เสาชิงช้า ภูเขาทอง เกาะรัตนโกสินทร์ ถนนข้าวสาร ฯลฯ พร้อมกับพัฒนาตัวเองให้ปิดช่องว่างในตลาดที่ดิฉันเห็นว่า โรงแรมในย่านนี้ แม้ราคาจะถูก แต่ส่วนใหญ่ยังขาดความน่าเชื่อถือด้านความสะอาด กับความปลอดภัย ดังนั้น โรงแรมมิราม่าร์ยุคใหม่ นำเสนอตัวเองเป็นทางเลือกตรงกลางระหว่างโรงแรมหรู 5 ดาว กับเกสต์เฮาส์ราคาถูก ใช้จุดเด่นอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว สะดวกต่อการเดินทาง ขณะเดียวกันห้องพักและบริการได้มาตรฐาน ลูกค้าแทนที่ต้องไปพักที่โรงแรมคุณภาพเช่นนี้ในย่านสุขุมวิท หรือสีลม ก็เลือกมาพักที่นี่แทนได้”

ในห้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ได้ปรับโฉมใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การตกแต่งภายในและภายนอก เน้นทันสมัยถูกใจคนรุ่นใหม่ พัฒนาระบบต่างๆ ทั้งไฟฟ้า ประปา และป้องกันอัคคีภัย ถูกต้องและได้มาตรฐานสากล รวมถึง เสริมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใช้งบประมาณในการปรับปรุงรวมกว่า 100 ล้านบาท ในระยะเวลารวมถึง 2 ปี โดยทยอยปรับปรุงเป็น 3 ระยะ โดยระยะที่ 1-2 ปิดปรับปรุงบางส่วน ส่วนระยะสุดท้าย ปิดปรับปรุงทั้งโรงแรมนานกว่า 9 เดือน ซึ่งช่วงเวลานี้ ใช้เป็นโอกาสจัดฝึกอบรมเติมความรู้ให้พนักงานทุกๆ แผนก รวมกว่า 70 คน เพื่อยกระดับการทำงาน เตรียมพร้อมไว้สำหรับเปิดให้บริการอีกครั้ง

นอกจากนั้น ส่วนตัวก่อนที่จะเข้ามารับช่วงดูแลธุรกิจ เตรียมพร้อมโดยไปหาประสบการณ์ทำงานประจำในโรงแรมดังๆ หลายแห่ง นานกว่า 10 ปี เพื่อปูพื้นฐานตัวเองให้พร้อมที่สุด เพื่อจะมาบริหารธุรกิจโรงแรมของครอบครัว

อรจิรา เผยว่า หลังปรับปรุงแล้ว ราคาที่พักเพิ่มขึ้นประมาณ 30-40% จากเดิมเริ่มต้น 800 บาทต่อคืน มาอยู่ 1,400 บาทต่อคืน ส่วนจำนวนห้องเพิ่มจากเดิมเล็กน้อย จาก 122 ห้องเป็น 128 ห้อง ขณะที่ห้องจัดเลี้ยงและห้องอาหาร ปรับโฉมใหม่หมดเช่นกัน จนแทบไม่เหลือคราวโครงเดิมอยู่เลย

“แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ในอีกด้าน ดิฉันมองว่า จะช่วยกรองลูกค้าไปในตัวด้วย ช่วยให้เราได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้น ส่วนฐานลูกค้าเก่าก็จะเหลือเฉพาะลูกค้าคุณภาพ ที่พร้อมจะจ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แลกด้วยคุณภาพที่ดีขึ้น นอกจากนั้น การปรับปรุงห้องจัดเลี้ยง และห้องอาหาร ต้องการขยายฐานลูกค้าคนไทย ในส่วนข้าราชการที่เข้ามาสัมมนาในกรุงเทพฯ หรือบริษัทห้างร้านต่างๆ ใช้สถานที่ฝึกอบรมพนักงาน”
ห้องจัดประชุมโฉมใหม่
เจ้าของธุรกิจ ระบุว่า ความเปลี่ยนแปลงของโรงแรมมิราม่าร์หลังผ่านการยกเครื่องแล้ว สร้างจุดเด่นอย่างชัดเจน กลายเป็นโรงแรมแห่งเดียวในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ที่เน้นสไตล์โมเดิร์น โดยแผนธุรกิจที่วางไว้ คาดจะคืนเงินลงทุนได้ภายใน 5 ปี โดยเริ่มปรัปปรุงมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เสร็จสมบูรณ์เริ่มเปิดบริการอีกครั้งเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2551
ห้องอาหาร
อย่างไรก็ตาม แผนทุกอย่างที่เตรียมไว้แทบจะพังลงไปทั้งหมด เมื่อเกิดเหตุวุ่นวายทางการเมือง ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเป็นต้นมา กระทบต่อธุรกิจอย่างรุนแรง ห้องพักที่ลูกค้าจองไว้ล่วงหน้า เพื่ออยากสัมผัสกับโรงแรมมิราม่าร์โฉมใหม่ กว่า 700 คิว ถูกยกเลิกทั้งหมด กลายเป็นวิกฤตแสนสาหัส ท้าท้ายให้ทายาทธุรกิจรายนี้ จำเป็นต้องปรับตัวอย่างหนัก

“ก่อนหน้าเหตุการณ์ เราเชื่อว่า หลังเปิดบริการจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าทั้งนักท่องเที่ยว และคนไทย แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องหันมาให้ความสำคัญกับลูกค้าในประเทศมากยิ่งขึ้น ผ่านการจัดโปรโมชั่นต่างๆ รวมถึง พยายามลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นออกไป แต่ยอมรับว่า ธุรกิจยังอยู่ในภาวะลำบาก มีอัตราเข้าพักประมาณ 40% จากในช่วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้มีอัตราเข้าพักกว่า 70% ทำให้เป้าคืนทุนที่วางไว้ 5 ปีต้องเพิ่มเป็น 8 ปี”

อรจิรา ทิ้งท้ายว่า แม้สถานการณ์จะหนักและเหนื่อยมาก แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุดในส่วนของตัวเอง ส่วนปัจจัยนอกเหนือการควบคุม ได้แต่หวัง และภาวนาว่า สถานการณ์เลวร้ายจะคลี่คลายไปได้ในเร็ววัน

***** 0-2222-4191 , www.miramarbangkok.com ********
กำลังโหลดความคิดเห็น