พิจิตร - ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สั่งเด้งย้ายด่วน พม.พิจิตร เหตุใส่เกียร์ว่างไม่สนองนโยบายผู้ว่าฯ สะพัดรู้เรื่องเด็กชายสายเลือดญี่ปุ่นตามหาพ่อมานานนับปีแต่ไม่ยอมขยับช่วยเหลือ ด้านผู้ว่าฯ พิจิตรยอมรับยังไร้วี่แววเจอพ่อ “เคอิโงะ”
นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า กรณีความคืบหน้าการตามหาพ่อชาวญี่ปุ่น ให้กับ ด.ช.เคอิโงะ ซาโต อายุ 9 ขวบ เด็กชายชาวพืจิตรสายเลือดญี่ปุ่นว่า ยอมรับว่ายังไร้วี่แววในการที่จะได้เจอตัวนายคัทซูมิ ซาโต พ่อของ ด.ช.เคอิโงะ ทั้งๆ ที่ภาคราชการพยายามอย่างสุดความสามารถ จึงอยากฝากถึงสื่อประเทศญี่ปุ่นให้ช่วยบอกด้วยว่าคนไทยถือว่าความกตัญญูต่อพ่อแม่เป็นเรื่องสำคัญ
รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตรแจ้งว่า นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มีคำสั่งย้ายด่วนตามหนังสือที่ 219/2552 ให้ย้าย นายประสิทธิ์ มีช้าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร ไปประจำที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่าเป็นคำสั่งย้ายเนื่องจากกรณีของ ด.ช.เคอิโงะ ซาโต ที่หน่วยงาน พม.พิจิตร รู้เรื่องนี้มากว่า 1 ปีแล้วแต่ทำนิ่งเฉย อีกทั้งเมื่อเด็กตกเป็นข่าวหลายหน่วยงานยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แต่นายประสิทธิ์กลับไปพูดแซวว่า “เอาเด็กมาหากิน”
นอกจากนี้ เคยมีนโยบายจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร ช่วยทำโครงการแก้ปัญหายาเสพติด ทำถนนเด็กเดิน หรือ ทำสภาเด็ก รวมถึงสั่งให้ไปช่วยเหลือกรณีเกิดวาตภัยพายุพัดบ้านพัง ผู้บริหาร สนง.พม.พิจิตรก็ไม่อยู่ในพื้นที่ โทร.ติดต่อเป็น 10 ครั้ง แม้โทร.ติดแต่ก็ไม่รับสาย แถมยังไม่โทร.กลับ, ให้ช่วยสร้างบ้านดินที่ให้คนจนธรรมดาทำกัน 7 วันเสร็จ แต่สั่ง พม.พิจิตร 2 เดือนยังไม่มีวี่แวว จึงอาจเป็นเหตุไม่สนองนโยบายผู้บริหารระดับจังหวัดอีกประเด็นหนึ่ง จนกลายเป็นเหตุถูกสั่งย้ายฟ้าผ่าภายใน 24 ชั่วโมง
นายประสิทธิ์ มีช้าง ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่เคยพูดแซวหรือล่วงเกินสื่อมวลชนหรือผู้ที่ตกเป็นข่าวแต่อย่างใด อาจเป็นการสื่อความหมายผิด ซึ่งได้โทร.ปรับความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลายแขนงแล้ว นอกจากนี้ เรื่องทำงานก็ทำเต็มที่เพราะบ้านเกิดอยู่ที่ตลาดวังกรด อ.เมือง จ.พิจิตร ส่วนเรื่องพนักงานในสำนักงานแตกแยกหรือมีพนักงานที่ชื่อ “นุช” ชอบทำตัวกร่างขัดแย้งกับสื่อมวลชน หรือพูดไม่ดีกับชาวบ้าน ตนเองก็ได้ปรับเปลี่ยนหน้าที่ให้ไปอยู่ส่วนงานอื่นแล้ว
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่จะมีคำสั่งย้ายก็ถือว่าเป็นความเหมาะสมของผู้บังคับบัญชาที่ต้องย้ายไปตามวาระ แต่อยู่ที่ไหนก็ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ อย่านำมาเป็นเรื่องแตกแยก