ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือจัดเวทีสัมมนาหารือข้อเสนอการปฏิรูปสังคมการเมืองใหม่ ระบุ การตั้งกรรมการปรองดองเพื่อความสมานฉันท์และแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศไทย ชี้ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนและหวังช่วยคนผิด พร้อมเสนอการปฏิรูปการเมืองต้องมุ่งเพิ่มอำนาจและการมีส่วนร่วมของประชาชน
วันนี้ (8 พ.ค.) ที่จังหวัดเชียงใหม่ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ(กป.อพช.เหนือ) จัดการสัมมนาเรื่อง “ข้อเสนอภาคประชาสังคมต่อการปฏิรูปสังคมการเมืองใหม่” เพื่อหารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม พร้อมทั้งได้มีการออกแถลงการณ์เกี่ยวกับข้อเสนอในการปฏิรูปการมือง โดยแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่าข้อเสนอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดองสมานฉันท์และแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 บนเหตุผลขอความสมานฉันท์นั้น ไม่อาจแก้ไขปัญหาใดๆ ได้ เพราะเป็นกระบวนการที่ยังคงไม่เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนมากเพียงพอที่จะมีพื้นที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน ที่ต้องการการปฏิรูปสังคมการเมืองใหม่ สร้างการเมืองที่โปร่งใส และสร้างกติกาใหม่เพื่อฟื้นฟูปรับปรุงโครงสร้างประเทศ ขณะเดียวกันเป็นห่วงว่ากระบวนการดังกล่าวแท้ที่จริงแล้วดำเนินการไปเพื่อปิดบังคนผิด หวังนิรโทษกรรมทางการเมือง ต้องการกำหนดกิติกาเพื่อรักษาประโยชน์ให้กลุ่มนักการเมือง โดยไม่คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศชาติเช่นเดิม
ขณะเดียวกัน เห็นว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมการเมืองไทยในเวลานี้เป็นปัญหาที่มาจากโครงสร้างทางการเมือง ซึ่งเปิดโอกาสให้นักการเมืองและพวกพ้องเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว โดยละเลยประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยการใช้อำนาจรัฐบิดเบือนกระบวนการตรวจสอบของกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระ ทำลายระบบการถ่วงดุลของระบบรัฐสภา ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในเรื่องความคิดทางการเมือง นำไปสู่ความขัดแย้งของคนในประเทศอย่างกว้างขวาง รวมทั้งการยุยงบิดเบือนใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างไร้จริยธรรม
นอกจากนี้ มีข้อเสนอต่อการปฏิรูปสังคมการเมืองใหม่เพื่อแก้ไขวิกฤตปัญหาของประเทศ ได้แก่ การปฏิรูปการเมือง ที่จะต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มพื้นที่การจัดการตนเองของภาคประชาชน เช่น การจัดการทรัพยากรชุมชน การจัดการเศรษฐกิจพึ่งตนเอง การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการ เป็นต้น บนพื้นฐานความเท่าเทียมและเป็นธรรม เคารพความหลากหลายของคุณค่าด้านจิตวิญญาณ ความเชื่อและศาสนา และมีความเป็นอิสระและพึ่งตนเองได้ รวมทั้งการปฏิรูปการสื่อสารเพื่อให้เกิดการนำเสนอข่าวสารข้อเท็จจริงให้กับประชาชนอย่างถูกต้อง ปราศจากการครอบงำ
พร้อมกันนี้ จะต้องเร่งจัดการทรัพยากรให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชนทั่วประเทศ เพื่อสร้างศักยภาพให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง สร้างระบบเศรษฐกิจที่ยืนอยู่บนพื้นฐานการพึ่งตนเอง เพื่อป้องกันการผูกขาดจากกลุ่มทุนและนักการเมือง รวมทั้งต้องสร้างระบบรัฐสวัสดิการที่เอื้อประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ ทุกเพศและทุกวัย โดยปราศจากการครอบงำและการอุปถัมภ์จากการเมือง
แถลงการณ์ฉบับเดียวกันนี้ ยังระบุด้วยว่า การปฏิรูปการเมืองใหม่จะเกิดขึ้นได้ต้องมาจากพลังของประชาชนโดยจะฝากความหวังไว้กับนักการเมืองหรือกลุ่มผลประโยชน์ไม่ได้ ดังนั้นจึงเห็นควรให้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามสถานการณ์ประเทศอย่างใกล้ชิด รวมทั้งนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชนและกำหนดการเคลื่อนไหวรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่ประชาชนมีอำนาจสูงสุด
วันนี้ (8 พ.ค.) ที่จังหวัดเชียงใหม่ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ(กป.อพช.เหนือ) จัดการสัมมนาเรื่อง “ข้อเสนอภาคประชาสังคมต่อการปฏิรูปสังคมการเมืองใหม่” เพื่อหารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม พร้อมทั้งได้มีการออกแถลงการณ์เกี่ยวกับข้อเสนอในการปฏิรูปการมือง โดยแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่าข้อเสนอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อความปรองดองสมานฉันท์และแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 บนเหตุผลขอความสมานฉันท์นั้น ไม่อาจแก้ไขปัญหาใดๆ ได้ เพราะเป็นกระบวนการที่ยังคงไม่เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนมากเพียงพอที่จะมีพื้นที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน ที่ต้องการการปฏิรูปสังคมการเมืองใหม่ สร้างการเมืองที่โปร่งใส และสร้างกติกาใหม่เพื่อฟื้นฟูปรับปรุงโครงสร้างประเทศ ขณะเดียวกันเป็นห่วงว่ากระบวนการดังกล่าวแท้ที่จริงแล้วดำเนินการไปเพื่อปิดบังคนผิด หวังนิรโทษกรรมทางการเมือง ต้องการกำหนดกิติกาเพื่อรักษาประโยชน์ให้กลุ่มนักการเมือง โดยไม่คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศชาติเช่นเดิม
ขณะเดียวกัน เห็นว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมการเมืองไทยในเวลานี้เป็นปัญหาที่มาจากโครงสร้างทางการเมือง ซึ่งเปิดโอกาสให้นักการเมืองและพวกพ้องเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว โดยละเลยประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยการใช้อำนาจรัฐบิดเบือนกระบวนการตรวจสอบของกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระ ทำลายระบบการถ่วงดุลของระบบรัฐสภา ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในเรื่องความคิดทางการเมือง นำไปสู่ความขัดแย้งของคนในประเทศอย่างกว้างขวาง รวมทั้งการยุยงบิดเบือนใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างไร้จริยธรรม
นอกจากนี้ มีข้อเสนอต่อการปฏิรูปสังคมการเมืองใหม่เพื่อแก้ไขวิกฤตปัญหาของประเทศ ได้แก่ การปฏิรูปการเมือง ที่จะต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มพื้นที่การจัดการตนเองของภาคประชาชน เช่น การจัดการทรัพยากรชุมชน การจัดการเศรษฐกิจพึ่งตนเอง การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการ เป็นต้น บนพื้นฐานความเท่าเทียมและเป็นธรรม เคารพความหลากหลายของคุณค่าด้านจิตวิญญาณ ความเชื่อและศาสนา และมีความเป็นอิสระและพึ่งตนเองได้ รวมทั้งการปฏิรูปการสื่อสารเพื่อให้เกิดการนำเสนอข่าวสารข้อเท็จจริงให้กับประชาชนอย่างถูกต้อง ปราศจากการครอบงำ
พร้อมกันนี้ จะต้องเร่งจัดการทรัพยากรให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชนทั่วประเทศ เพื่อสร้างศักยภาพให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง สร้างระบบเศรษฐกิจที่ยืนอยู่บนพื้นฐานการพึ่งตนเอง เพื่อป้องกันการผูกขาดจากกลุ่มทุนและนักการเมือง รวมทั้งต้องสร้างระบบรัฐสวัสดิการที่เอื้อประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ ทุกเพศและทุกวัย โดยปราศจากการครอบงำและการอุปถัมภ์จากการเมือง
แถลงการณ์ฉบับเดียวกันนี้ ยังระบุด้วยว่า การปฏิรูปการเมืองใหม่จะเกิดขึ้นได้ต้องมาจากพลังของประชาชนโดยจะฝากความหวังไว้กับนักการเมืองหรือกลุ่มผลประโยชน์ไม่ได้ ดังนั้นจึงเห็นควรให้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามสถานการณ์ประเทศอย่างใกล้ชิด รวมทั้งนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชนและกำหนดการเคลื่อนไหวรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่ประชาชนมีอำนาจสูงสุด