ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจภูธรภาค 2 แถลงข่าวการจับกุม 3 คนร้ายปล้นร้านทองเยาวราช พัทยาพร้อมอาวุธปืนสงครามและของกลางจำนวนมาก ส่วนคนร้ายอีก 2 คน ยังหลบหนี แต่คาดว่าได้ตัวเร็วๆ นี้
วันนี้ (6 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 จังหวัดชลบุรี พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.ผบช.ภ.2 ,พล.ต.ต.โกศล พัวเวส รอง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.นิวัตน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รอง ผบช.ภ.2 ,พล.ต.ต.ปราโมช ปทุมวงศ์, พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เงามุข รอง ผบก.หน.ศสส.ภ.2, พ.ต.อ. ธีรพงษ์ จินดาหลวง รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม 3 คนร้ายแก๊งปล้นร้านห้างทองเยาวราช เลขที่ 406/339 ถนนทางลงหาดจอมเทียน หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จังหวัดชลบุรี
การจับกุมในครั้งนี้ได้ผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นายกมล แสงเพิ่ม อายุ 36 ปี นายสุรชาติ ยอดทอง อายุ 24 ปี และนายเกษม กลิ่นดี อายุ 32 ปี โดยผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่าร่วมกันปล้นร้านทองดังกล่าวจริง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาร่วมกับพวกที่หลบหนี ปล้นทรัพย์ โดยใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านฯ ยิงปืนในหมู่บ้านฯ ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางและร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่
พล.ต.ท.สุวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้ครั้งนี้ประกอบด้วย อาวุธสงครามปืนเอ็ม 16 อาก้า ปืนคาร์บิน เอ็ม 79 และปืนเอ็ม 3 รวมทั้งสิ้น 7 กระบอก ส่วนกระสุนปืนนั้นมีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 8,000 นัด โดยอาวุธปืนส่วนใหญ่เป็นของนายกมล แสงเพิ่ม ซึ่งหาซื้อมาเก็บสะสมไว้นานแล้ว ในราคากระบอกละ 7,000-9,000 บาท ส่วนกระสุนปืนนั้นหาซื้อไว้ในราคานัดละ 15 บาท
นอกจากนั้นยังสามารถตรวจยึดรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ได้แก่ รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน นข 1090 นครนายก รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า วีออส หมายเลขทะเบียน กน 4889 ชลบุรี พร้อมพบทองคำที่ถูกปล้นไปจากตัวนายกมล จำนวน 14 เส้น จากนายสุรชาติ จำนวน 18 เส้น รวมแล้ว 40 บาท แต่ในความเป็นจริงการปล้นทองในครั้งนี้ได้ไปเพียง 180 บาทเท่านั้น ไม่ใช่ 300 บาทตามที่เป็นข่าว ส่วนทองที่เหลือนั้นยังอยู่กับคนร้าย 2 คนที่ยังหลบหนีอยู่ในขณะนี้
พล.ต.ท.สุวัฒน์ กล่าวว่า การจับกุมคนร้ายได้ในครั้งนี้เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากประชาชนที่ทราบเบาะแสและได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ตำรวจสามารถติดตามและจับกุมได้ทันท่วงที นอกจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 2 ได้ประสานความร่วมมือในการติดตามและทราบแบะแสต่างๆ ได้เร็วและจับกุมได้ ซึ่งต้องขอชมเชยทั้งประชาชน และการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน
“ขอฝากถึงผู้ประกอบการร้านทองทุกร้านในจังหวัดชลบุรี ควรตรวจสอบหรือติดตั้งกล้องวงจรปิดและตรวจสอบการทำงานว่าสมบูรณ์หรือไม่ เพราะจะเป็นประโยชน์ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนั้นทางร้านทองควรมีมาตรการที่เข้มงวด โดยเฉพาะร้านที่มีการติดตั้งลูกกรง เพื่อป้องกันการโจรกรรม ทำให้คนร้ายไม่กล้าจะลงมือ นอกจากนั้น การเปิดปิดร้านทองนั้น ควรเปิดหรือปิดในช่วงเวลา 4-5 โมงเย็น โดยไม่ควรเปิดจนกระทั่ง 4-5 ทุ่ม ซึ่งจะเป็นจุดก่อเหตุได้ ดังนั้นควรจะต้องให้ความสำคัญและระมัดระวังในจุดนี้ด้วย” พล.ต.ท.สุวัฒน์ กล่าว
ด้าน นายกมล แสงเพิ่ม หนึ่งในคนร้ายให้การว่า การปล้นครั้งนี้ได้เตรียมวางแผนการปล้นเพียง 1 วัน หลังจากนั้นก็ปฏิบัติการปล้นในทันที โดย 2 คนร้ายที่หลบหนีนั้นเป็นผู้ชี้เป้า ส่วนตนเองเป็นผู้ดำเนินการเข้าปล้น พร้อมใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในร้าน และการหลบหนี ส่วนอาวุธปืนนั้น ส่วนใหญ่เป็นของตนที่ชอบอาวุธปืนและหาซื้อนำมาสะสมไว้นานแล้ว เนื่องจากเคยฝึกใช้อาวุธปืนในช่วงเป็นนักศึกษาวิชาทหาร (รด.)