ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจเมืองพัทยาประชุมเข้มจัดชุดไล่ล่าคนร้ายปล้นร้านทองกว่า 300 บาท ส่วนผู้ที่ถูกควบคุมตัวยังปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เหตุต่อเหตุการณ์แต่ยังเจอข้อหาหนักหลายกระทง
วันนี้ (5 พ.ค.) พ.ต.อ.ธีรพล จินดาหลวง รอง ผบก.จ.ชลบุรี รักษาการณ์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้ประชุมชุดคณะทำงานร่วมกับ พ.ต.ท.ชนพัฒน์ นวรัตน์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.สุขทัศน์ พุ่มพันม่วง รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.ชลบุรี พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เงามุข รอง ผบก.หน.ศสส. ภาค 2 จ.ชลบุรี พ.ต.ท.ประกอบ แสงพริ้ง สารวัตรใหญ่ สภ.ห้วยใหญ่ และเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายในการติดตามคนร้ายใช้อาวุธสงครามบุกปล้นร้านทองเยาวราช จอมเทียน
พ.ต.อ.ธีรพล กล่าวว่า จากแนวทางการทำงานตอนนี้ได้สอบพยานไปมากกว่า 20 ปาก ในส่วนของรูปคดีมีความคืบหน้ากว่า 70% ทั้งนี้ ขอปฏิเสธโดยไม่เคยบอกว่าคนร้ายเป็นทหาร เป็นแต่เพียงคนร้ายถนัดในการใช้อาวุธปืน ส่วนอีกคนที่สะพายกระเป๋า สังเกตจากกล้องวงจรปิดพบว่ามีรอยสักด้านหลัง หากพบคงติดตามไม่อยาก
ต่อมาผู้สื่อข่าวเข้าสอบถาม นายเกษม กลิ่นดี อายุ 34 ปี คนร้ายที่ถูกตำรวจออกหมายจับและอยู่ระหว่างการควบคุมตัว โดยสังเกตเห็นสีหน้านายเกษมดูเคร่งเครียดอย่างชัดเจน พร้อมปฏิเสธว่าไม่ส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงแต่บอกว่ารู้จัก นายกมล แสงเพิ่ม ซึ่งเคยทำงานด้วยกันเมื่อ 10 ปีก่อน
และขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่บ้าน เพราะต้องไปทำธุระในพื้นที่อำเภอบ้านบึง จ.ชลบุรี พอกลับเข้ามาก็มีคนมาบอกว่ารถโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ของนายกมล มาฝากไว้ หลังจากนั้นนายกมล ขับรถวีออสมากับ นายสุรชาติ ยอดทอง และเพื่อนอีก 1 คน จากนั้นได้นำกระเป๋าสะพายสีดำโยนขึ้นรถกระบะขับออกไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหา นายเกษม ร่วมกันปล้นทรัพย์ ร่วมกับพวกที่หลบหนีใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่รับอนุญาต มีอาวุธปืนสงครามโดยผิดกฎหมาย ต่อสู้ขัดขวางพยามฆ่าเจ้าหน้าที่พนักงาน
วันนี้ (5 พ.ค.) พ.ต.อ.ธีรพล จินดาหลวง รอง ผบก.จ.ชลบุรี รักษาการณ์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้ประชุมชุดคณะทำงานร่วมกับ พ.ต.ท.ชนพัฒน์ นวรัตน์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.สุขทัศน์ พุ่มพันม่วง รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.ชลบุรี พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เงามุข รอง ผบก.หน.ศสส. ภาค 2 จ.ชลบุรี พ.ต.ท.ประกอบ แสงพริ้ง สารวัตรใหญ่ สภ.ห้วยใหญ่ และเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายในการติดตามคนร้ายใช้อาวุธสงครามบุกปล้นร้านทองเยาวราช จอมเทียน
พ.ต.อ.ธีรพล กล่าวว่า จากแนวทางการทำงานตอนนี้ได้สอบพยานไปมากกว่า 20 ปาก ในส่วนของรูปคดีมีความคืบหน้ากว่า 70% ทั้งนี้ ขอปฏิเสธโดยไม่เคยบอกว่าคนร้ายเป็นทหาร เป็นแต่เพียงคนร้ายถนัดในการใช้อาวุธปืน ส่วนอีกคนที่สะพายกระเป๋า สังเกตจากกล้องวงจรปิดพบว่ามีรอยสักด้านหลัง หากพบคงติดตามไม่อยาก
ต่อมาผู้สื่อข่าวเข้าสอบถาม นายเกษม กลิ่นดี อายุ 34 ปี คนร้ายที่ถูกตำรวจออกหมายจับและอยู่ระหว่างการควบคุมตัว โดยสังเกตเห็นสีหน้านายเกษมดูเคร่งเครียดอย่างชัดเจน พร้อมปฏิเสธว่าไม่ส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงแต่บอกว่ารู้จัก นายกมล แสงเพิ่ม ซึ่งเคยทำงานด้วยกันเมื่อ 10 ปีก่อน
และขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่บ้าน เพราะต้องไปทำธุระในพื้นที่อำเภอบ้านบึง จ.ชลบุรี พอกลับเข้ามาก็มีคนมาบอกว่ารถโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ของนายกมล มาฝากไว้ หลังจากนั้นนายกมล ขับรถวีออสมากับ นายสุรชาติ ยอดทอง และเพื่อนอีก 1 คน จากนั้นได้นำกระเป๋าสะพายสีดำโยนขึ้นรถกระบะขับออกไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหา นายเกษม ร่วมกันปล้นทรัพย์ ร่วมกับพวกที่หลบหนีใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่รับอนุญาต มีอาวุธปืนสงครามโดยผิดกฎหมาย ต่อสู้ขัดขวางพยามฆ่าเจ้าหน้าที่พนักงาน