ตาก - ทหารพม่าสนธิกำลัง DKBA เดินหน้าโจมตี KNU ที่ชายแดนไทย-พม่าด้านอำเภอพบพระต่อเนื่อง จน 400 ราษฎรไทยต้องอพยพออกจากพื้นที่ เพราะอยู่ห่างจากจุดปะทะเพียง 250-300 เมตรเท่านั้น
เมื่อเวลา 08.15.น.วันนี้ (28 เม.ย.) มีรายงานข่าวจากชายแดนไทย-พม่าว่า ทหารพม่าสนธิกำลังทหารกะเหรี่ยงพุทธ DKBA ยังคงส่งกำลังเข้าโจมตีกองกำลังทหารกะเหรี่ยงคริสต์ KNU และเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธปืนเล็กยาวประจำกายอย่างต่อเนื่อง บริเวณตรงข้ามบ้านพะดี ตำบลรวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก
ทหารไทยจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด ได้ส่งกำลังเข้าตรึงพื้นที่ ซึ่ง พ.อ.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 ยังได้ กำชับให้ทหารเฝ้าระวังดูแลราษฎรไทยที่ต้องหนีออกจากหมู่บ้านไปหลบที่ปลอดภัยเพราะที่บริเวณใก้ลเคียงยังมีการสู้รบระหว่างทหารพม่ากับกะเหรี่ยงคริสต์อย่างต่อเนื่อง
พ.อ.สุทัศน์ จารุมณี รองผู้บังคับกองพล กองกำลังนเรศวร ได้เดินทางตรวจสถานการณ์การสู้รบระหว่างชนกลุ่มน้อย ระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธสนธิกำลังกับทหารรัฐบาลทหารพม่า กับอีกฝ่ายคือกองกำลังกะเหรี่ยงคริตส์ตามแนวชายแดนที่บ้านพะดี อ.พบพระ จ.ตาก โดยล่าสุดฝ่ายทหารมีการวางกำลังและทำการตอบโต้ฝ่ายกองกำลังต่างชาติ หลังยิงล้ำแดนข้ามมาฝั่งไทย จนบ้านเรือนราษฎร์ไทยได้รับความเสียหาย
เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของไทยที่ประจำชายแดน เปิดเผยว่า พ.อ.นะเคาโมย ผู้บังคับกองพัน 907 กองกำลังกะเหรี่ยงดีเคบีเอ. ประกาศ จะทำการเข้าเผาหมู่บ้านพะดี ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง หลังจากที่ก่อนหน้านี้กะเหรี่ยงพุทธ นำกำลังเข้าโจมตีฐานที่มั่น 201 กองกำลังกะเหรี่ยงคริตส์ มีการปะทะกันอย่างหนักเป็นระลอก จนทหารไทยที่ประจำการถูกยิงใส่จนทหารบาดเจ็บสาหัส 1 ราย บาดเจ็ยเล็กน้อย 1 ราย
ส่วนการสู้รบขณะนี้ กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ มีการพุ่งเป้ามายังทหารไทยมากกว่าที่จะรบกับชนกลุ่มน้อยด้วยกันเอง เพราะกะเหรี่ยงพุทธซึ่งมีทหารพม่า หนุนหลังพยายามที่จะใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ไทยตลอดการสู้รบที่ผ่านมา
ชาวบ้านพื้นที่การสู้รบเปิดเผยว่า มีการระดมยิงข้ามเข้ามาฝั่งไทยจำนวนหลายนัด จนต้องอพยพหนีออกจากหมู่บ้าน ซึ่งตนเองเชื่อว่าจะมีการสู้รบกันอย่างหนัก เพราะขณะนี้มีการเผชิญหน้าระหว่างกองกำลังทั้งกะเหรี่ยงพุทธและกะเหรี่ยงคริตส์ห่างกันเพียง 250-300 เมตรเท่านั้น และห่างจากชายแดนไทยเพียง 150 เมตร ถือว่าอันตรายที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนผู้อพยพทั้งหมดกว่า 400 คน ทั้งเด็ก สตรี คนชรา มีบางส่วนที่ได้โอกาสไปนอนกับญาติมิตรใกล้เคียงต่างหมู่บ้าน และอีกจำนวนหนึ่ง ราว 200 คน ที่อยู่บริเวณในสำนักสงฆ์ อาศัยสนามหญ้าโดยต้องนอนกลางสนามหญ้าบริเวณหน้าสำนักสงฆ์ ตากน้ำค้างทั้งคืน ไม่มีมุ้งและที่นอน มีเพียงเสื่อเท่านั้น ส่วนอาหารมื้อเมื่อคืนที่ผ่านมามีเพียงข้าวต้ม
