xs
xsm
sm
md
lg

เหล้าพื้นบ้าน 5 จังหวัดเหนือนัดเข้ากรุง ขอคำตอบแยกภาษีเหล้าโรง-ก่อนเจ๊ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย – เครือข่ายเหล้าพื้นบ้าน 5 จังหวัดภาคเหนือ เตรียมระดมพลเข้ากรุง นัดฟังคำตอบแยกฐานภาษีเหล้าโรง-เหล้าชุมชน หลังยื่นเรื่องผ่านผู้ว่าฯ ถึงกระทรวงการคลังแล้ว ยืนยันเงื่อนไขรัฐต้องเก็บภาษีเหล้าพื้นบ้านต่ำกว่า ก่อนเหล้าชุมชนตายทั้งระบบ

นางบัวเหลียว ชัยมณี ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิตสุราพื้นบ้านแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าภายหลังจากเครือข่ายได้ยื่นหนังสือไปยังกระทรวงการคลัง ผ่านทางผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และสรรพสามิตเขตเชียงราย ไปเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อขอให้มีการออกกฎหมายแยกฐานภาษีระหว่างสุรากลั่นของโรงงานขนาดใหญ่กับสุรากลั่นของชาวบ้าน ซึ่งปัจจุบันใช้ชื่อร่วมกันว่า “สุราชุมชน” ให้เรียกชื่อสุรากลั่นของชาวบ้านว่าสุราพื้นบ้าน รวมทั้งให้ยกเลิกการขึ้นอัตราภาษีหรือค่าซื้อสแตมป์จากกรมสรรพสามิตนั้น ล่าสุดได้รับแจ้งว่าหนังสือของชาวบ้านไปถึงสำนักปลัดกระทรวงการคลังแล้ว และคงอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่รอคำตอบอยู่นี้ทางชาวบ้านผู้ผลิตและจำหน่ายสุรากลั่นในเครือข่ายก็เริ่มมีการนัดหมายเพื่อจะรวมตัวกันในหลายจังหวัดได้แก่เชียงราย พะเยา ลำปาง แพร่และน่าน เพื่อจะเดินทางไปฟังคำตอบที่กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดวันและเวลาโดยอยู่ระหว่างนัดหมายกัน เพื่อให้รัฐบาลให้คำตอบโดยเร็ว เพราะไม่เช่นนั้นความเดือดร้อนของธุรกิจภาคประชาชนก็จะยาวนานไปเรื่อยๆ

“ภูมิปัญญาชาวบ้านประสบปัญหาหนัก เพราะภาษีสุรากลั่นพื้นบ้านถูกนำไปรวมกับสุรากลั่นของโรงงานใหญ่ทั้งๆ ที่กรรมวิธีการผลิตและวัตถุดิบที่ใช้ไม่เหมือนกัน โดยของโรงงานใหญ่ใช้กากน้ำตาลเสียเป็นส่วนใหญ่ส่วนของชาวบ้านใช้ข้าวและสมุนไพรเป็นหลัก ซึ่งตรงกับรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้มีการส่งเสริมภูมิปัญญาและแปรรูปพืชผลทางการเกษตร เพื่อยกรายได้ให้กับชาวบ้านระดับล่าง แต่ปรากฎว่าที่ผ่านมาเราต้องเสียภาษีหรือค่าซื้อแสตมป์จากกรมสรรพสามิตเฉลี่ยขวดละประมาณ 32 บาท เมื่อบวกกับต้นทุนอื่นๆ ทำให้ต้องขายกันขวดละ 55 บาทไล่เรี่ยกับสุราของโรงงานใหญ่ ขณะที่ต้นทุนเราสูงกว่าถือว่าไม่เป็นธรรมเลย จึงขอให้แยกฐานภาษีเสียโดยเก็บจากชาวบ้านขวดละ 10-12 บาทก็พอ” นางบัวเหลียว กล่าวและว่า

ที่ผ่านมามีกระแสว่ากระทรวงการคลังจะจัดเก็บภาษีสุราชุมชนซึ่งก็มีสุรากลั่นของชาวบ้านรวมอยู่ด้วยเพิ่มเป็นขวดละ 50-55 บาท อันจะทำให้ราคาขายสูงเป็น 60-70 บาท ซึ่งเชื่อว่าชาวบ้านผู้ผลิตและจำหน่ายทั่วประเทศอยู่ไม่ได้แน่นอน เมื่อถึงวันนั้นพวกเราจะไม่ยอมเสียภาษีหากเจ้าหน้าที่รัฐไปตรวจจับที่ไหนก็จะก่อม็อบประท้วงกันที่นั่นแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น