หอการค้าและชมรมผู้ประกอบการร้านอาหาร โคราช จับมือสมาคมผู้ผลิตไวน์ผลไม้และสุราพื้นบ้าน ชี้ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สร้างปัญหา ไม่ได้ผล กระทบผู้ประกอบการสุราพื้นบ้าน และธุรกิจร้านอาหารกับการท่องเที่ยว
นายวีระศักดิ์ บุญเพลิง คณะกรรมการกฎหมายข้อบังคับหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ล่าวถึง ร่างอนุบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่ 4 ฉบับที่เกี่ยวกับการจัดโซนนิ่งร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา 500 เมตร, การติดภาพฉลากคำเตือนที่บรรจุภัณฑ์, มาตรการห้ามจำหน่ายเหล้าปั่น และการกำหนดสถานที่หรือบริเวณที่ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนยานพาหนะว่าคงไม่ได้ผลตามเป้าหมายที่ต้องลดการบริโภคสุราตามที่ต้องการ ว่า อนุบัญญัติดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับผู้ประการร้านอาหารและการท่องเที่ยวของเมืองโคราชแน่นอน การออกอนุบัญญัติดังกล่าวเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ควรจะเน้นบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเคร่งครัดไม่ว่าจะเป็นการกวดจับผู้ดื่มเมาแล้วขับหรือการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับเด็กและเยาวชน หรือการณรงค์ตามสื่อหรืองานประเพณีต่างๆ จะได้ผลยั่งยืนมากกว่า
ด้านนายจิระศักดิ์ คาระวิวัฒนา ประธานชมรมผู้ประกอบการร้านอาหาร จังหวัดนครราชสีมา เห็นว่าผลกระทบที่น่าจะเกิดขึ้นจากอนุบัญญัติดังกล่าว มีผลในแง่ของชาวต่างชาติมากกว่าผู้ดื่มในประเทศ ซึ่งจะมีผลกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมทั้งสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบร้านอาหารในตัวเมืองโคราชทั้งหมด เนื่องจากตัวเมืองโคราช จะไม่สามารถดำเนินกิการต่อไปได้เพราะมีโรงเรียนเป็นจำนวนมาก
ส่วนนายสมบูรณ์ แก้วเกรียงไกร เลขาธิการ สมาคมผู้ผลิตไวน์ผลไม้และสุราพื้นบ้านไทย กล่าวว่า การออกกฎหมายดังกล่าวเป็นการออกกฎหมายที่ออกมาทำลายผู้ผลิตสุราชุมชนให้ไม่สามารถที่จะดำเนินการต่อไปได้ แค่กฎหมายที่มีอยู่ สุราชุมชนขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ก็ปิดกิจการกันไปหลายรายแล้ว
“กฎหมายฉบับนี้เป็นการทำลายและเป็นการเอาเปรียบผู้ประกอบการเกินไปและลิดรอนสิทธิการประกอบอาชีพ เนื่องจากเป็นการทำร่างพ.ร.บ.โดยไม่ได้ปรึกษากับฝ่ายผู้ประกอบการเลย ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทำให้กฎหมายฉบับไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย” นายสมบูรณ์กล่าว
นายวีระศักดิ์ บุญเพลิง คณะกรรมการกฎหมายข้อบังคับหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ล่าวถึง ร่างอนุบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหม่ 4 ฉบับที่เกี่ยวกับการจัดโซนนิ่งร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา 500 เมตร, การติดภาพฉลากคำเตือนที่บรรจุภัณฑ์, มาตรการห้ามจำหน่ายเหล้าปั่น และการกำหนดสถานที่หรือบริเวณที่ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนยานพาหนะว่าคงไม่ได้ผลตามเป้าหมายที่ต้องลดการบริโภคสุราตามที่ต้องการ ว่า อนุบัญญัติดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับผู้ประการร้านอาหารและการท่องเที่ยวของเมืองโคราชแน่นอน การออกอนุบัญญัติดังกล่าวเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ควรจะเน้นบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเคร่งครัดไม่ว่าจะเป็นการกวดจับผู้ดื่มเมาแล้วขับหรือการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับเด็กและเยาวชน หรือการณรงค์ตามสื่อหรืองานประเพณีต่างๆ จะได้ผลยั่งยืนมากกว่า
ด้านนายจิระศักดิ์ คาระวิวัฒนา ประธานชมรมผู้ประกอบการร้านอาหาร จังหวัดนครราชสีมา เห็นว่าผลกระทบที่น่าจะเกิดขึ้นจากอนุบัญญัติดังกล่าว มีผลในแง่ของชาวต่างชาติมากกว่าผู้ดื่มในประเทศ ซึ่งจะมีผลกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมทั้งสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบร้านอาหารในตัวเมืองโคราชทั้งหมด เนื่องจากตัวเมืองโคราช จะไม่สามารถดำเนินกิการต่อไปได้เพราะมีโรงเรียนเป็นจำนวนมาก
ส่วนนายสมบูรณ์ แก้วเกรียงไกร เลขาธิการ สมาคมผู้ผลิตไวน์ผลไม้และสุราพื้นบ้านไทย กล่าวว่า การออกกฎหมายดังกล่าวเป็นการออกกฎหมายที่ออกมาทำลายผู้ผลิตสุราชุมชนให้ไม่สามารถที่จะดำเนินการต่อไปได้ แค่กฎหมายที่มีอยู่ สุราชุมชนขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ก็ปิดกิจการกันไปหลายรายแล้ว
“กฎหมายฉบับนี้เป็นการทำลายและเป็นการเอาเปรียบผู้ประกอบการเกินไปและลิดรอนสิทธิการประกอบอาชีพ เนื่องจากเป็นการทำร่างพ.ร.บ.โดยไม่ได้ปรึกษากับฝ่ายผู้ประกอบการเลย ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทำให้กฎหมายฉบับไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย” นายสมบูรณ์กล่าว
