ASTVผู้จัดการรายวัน – สมาคมโอทอปร้องรัฐฯ เข้าช่วย หลังสุราพื้นบ้านร่อแร่ จากข้อตกลงการค้าเสรีอาฟต้าให้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ภาษี 0% ในปี 2553 นี้ เชื่อเหล้านอกทะลักไทย ชี้ผู้ผลิตเหล้านอกใช้เหล้ายุโรปสวมสิทธิอาฟต้า ลดภาษี อาศัยฟิลิปินส์เป็นประตูเบิกทางกลุ่มประเทศอาเซียนก่อนส่งเข้าไทย ด้านมูลนิธิเมาไม่ขับ เชื่อเกิดนักดื่มหน้าใหม่ ตัวเลขอุบัติเหตุพุ่ง
นายมงคล ไตรรัตนจรัสพร นายกสมาคมโอทอป เปิดเผยว่า ขณะที่สุราพื้นบ้านของไทยกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตหนัก หลังโดนสุราจากต่างประเทศเข้าแทรกแซง จากราคาที่ถูกกว่า สืบเนื่องมาจากผลการเปิดเสรีอาเซียน หรืออาฟต้า ที่กำหนดให้มีการลดภาษีนำเข้าสินค้าในบัญชีทั่วไปเหลือ 0% ภายในปี 2553 นี้ ซึ่งหมายรวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ที่ก่อนหน้านี้ก็มีการลดภาษีนำเข้าตามเกณฑ์อาฟต้าเหลือเพียง 5% อยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ปี 2547 ส่งผลให้สุราจากต่างประเทศไหลทะลักเข้ามายังประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบกับสุราพื้นบ้านโดยตรงที่ไม่สามารถแข่งขัน โดยจากเดิมต้นทุนในการผลิตก็สู้ประกอบการรายใหญ่ไม่ได้
“หลังจากอาฟต้ามีผลบังคับใช้ ผู้นำเข้าวิสกี้หลายรายจากยุโรปที่มีราคาแพงก็หันมาใช้ฐานการผลิตในอาเซียนเพื่อลดต้นทุน โดยเฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์ ที่ถือเป็นการเอาเปรียบทางการค้า รวมถึงยังเป็นการบิดเบือนข้อมูลผู้บริโภค ฉะนั้นภาครัฐฯ ควรหันมาให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าว ซึ่งอาจใช้มาตรการแบ่งแยกสุราและสถานที่ผลิตให้ชัดเจน รวมถึงการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตให้เหมาะสมและเป็นธรรม ซึ่งการนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ราคาถูกจากกลุ่มประเทศในอาเซียนจะทำให้ผู้ประกอบการไทยเกิดปัญหาการแข่งขันในด้านต้นทุน เพราะที่ผ่านสุราพื้นบ้านจะตกเป็นเป้าของการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเสมอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาวบ้านผู้ผลิตสุราพื้นบ้านเป็นอย่างมาก” นายกสมาคมโอทอปกล่าว
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ข้อตกลงเขตการค้าเสรีนั้นกำลังจะมีผลบังคับใช้ในกลุ่มประเทศอาเซียน รวมทั้งประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 เป็นต้นไป จะไม่เสียภาษีศุลกากร โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ ที่ผู้ประกอบการข้ามชาติ ได้นำสุราจากทวีปยุโรปหลายชนิดเข้ามาใช้ฐานการผลิตในประเทศกลุ่มอาเซียน มาสวมสิทธิพิเศษทางภาษีของข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ตั้งแต่ปี 2546 ที่เสียภาษีเพียง 5% จนถึงปัจจุบันทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท และเมื่อหากภาษีเป็น 0% ในปีหน้า จะทำให้สุราจากต่างประเทศมีจะมีราคาถูกลงมาก และเป็นการทำลายตลาดผู้ประกอบการสุราพื้นบ้านโยตรง
ด้านนายดำรง พุฒตาล ประธานมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า หลังจากที่ข้อกำหนดเรื่องภาษี 0% ของอาฟต้ามีผลบังคับใช้ในปี 2553 นี้ จะส่งผลให้สุราจากต่างประเทศมีราคาถูกลงอย่างมาก ซึ่งจะทำให้คนไทยตัดสินใจบริโภคสุรานอกมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งจากพฤติกรรมอขงคนไทยที่ส่วนใหญ่มันเห่อสินค้านอก จะส่งผลให้มีนักดื่มหน้าใหม่เกิดขึ้น รวมถึงเมื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ที่นำเข้ามามีราคาถูก เรื่องของคุณภาพจะควบคุมได้ยาก ซึ่งถ้าคุณภาพต่ำจะมีผลต่อสุขภาพประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ทางมูลนิธิก็จะต้องรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนมากขึ้นเช่นเดียวกัน
นายมงคล ไตรรัตนจรัสพร นายกสมาคมโอทอป เปิดเผยว่า ขณะที่สุราพื้นบ้านของไทยกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตหนัก หลังโดนสุราจากต่างประเทศเข้าแทรกแซง จากราคาที่ถูกกว่า สืบเนื่องมาจากผลการเปิดเสรีอาเซียน หรืออาฟต้า ที่กำหนดให้มีการลดภาษีนำเข้าสินค้าในบัญชีทั่วไปเหลือ 0% ภายในปี 2553 นี้ ซึ่งหมายรวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ที่ก่อนหน้านี้ก็มีการลดภาษีนำเข้าตามเกณฑ์อาฟต้าเหลือเพียง 5% อยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ปี 2547 ส่งผลให้สุราจากต่างประเทศไหลทะลักเข้ามายังประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบกับสุราพื้นบ้านโดยตรงที่ไม่สามารถแข่งขัน โดยจากเดิมต้นทุนในการผลิตก็สู้ประกอบการรายใหญ่ไม่ได้
“หลังจากอาฟต้ามีผลบังคับใช้ ผู้นำเข้าวิสกี้หลายรายจากยุโรปที่มีราคาแพงก็หันมาใช้ฐานการผลิตในอาเซียนเพื่อลดต้นทุน โดยเฉพาะในประเทศฟิลิปปินส์ ที่ถือเป็นการเอาเปรียบทางการค้า รวมถึงยังเป็นการบิดเบือนข้อมูลผู้บริโภค ฉะนั้นภาครัฐฯ ควรหันมาให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าว ซึ่งอาจใช้มาตรการแบ่งแยกสุราและสถานที่ผลิตให้ชัดเจน รวมถึงการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตให้เหมาะสมและเป็นธรรม ซึ่งการนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ราคาถูกจากกลุ่มประเทศในอาเซียนจะทำให้ผู้ประกอบการไทยเกิดปัญหาการแข่งขันในด้านต้นทุน เพราะที่ผ่านสุราพื้นบ้านจะตกเป็นเป้าของการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเสมอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาวบ้านผู้ผลิตสุราพื้นบ้านเป็นอย่างมาก” นายกสมาคมโอทอปกล่าว
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ข้อตกลงเขตการค้าเสรีนั้นกำลังจะมีผลบังคับใช้ในกลุ่มประเทศอาเซียน รวมทั้งประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 เป็นต้นไป จะไม่เสียภาษีศุลกากร โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ ที่ผู้ประกอบการข้ามชาติ ได้นำสุราจากทวีปยุโรปหลายชนิดเข้ามาใช้ฐานการผลิตในประเทศกลุ่มอาเซียน มาสวมสิทธิพิเศษทางภาษีของข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ตั้งแต่ปี 2546 ที่เสียภาษีเพียง 5% จนถึงปัจจุบันทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท และเมื่อหากภาษีเป็น 0% ในปีหน้า จะทำให้สุราจากต่างประเทศมีจะมีราคาถูกลงมาก และเป็นการทำลายตลาดผู้ประกอบการสุราพื้นบ้านโยตรง
ด้านนายดำรง พุฒตาล ประธานมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า หลังจากที่ข้อกำหนดเรื่องภาษี 0% ของอาฟต้ามีผลบังคับใช้ในปี 2553 นี้ จะส่งผลให้สุราจากต่างประเทศมีราคาถูกลงอย่างมาก ซึ่งจะทำให้คนไทยตัดสินใจบริโภคสุรานอกมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งจากพฤติกรรมอขงคนไทยที่ส่วนใหญ่มันเห่อสินค้านอก จะส่งผลให้มีนักดื่มหน้าใหม่เกิดขึ้น รวมถึงเมื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ที่นำเข้ามามีราคาถูก เรื่องของคุณภาพจะควบคุมได้ยาก ซึ่งถ้าคุณภาพต่ำจะมีผลต่อสุขภาพประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ทางมูลนิธิก็จะต้องรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนมากขึ้นเช่นเดียวกัน
