ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตำรวจภาค 4 รวบสาวอุดรฯ วัย 18 สุดเลือดเย็น จิตโหดสมคบแม่และญาติร่วมกันจัดฉากฆ่าสามีวัย 23 ตัวเอง หวังฮุบเงินประกันชีวิต 2.6 ล้านบาท
วันที่ 22 เม.ย. พล.ต.ต.เฉลิมชัย จงศิริ รอง ผบช.ภ.4 แถลงข่าวการจับกุม นายประเวทย์ พรหมหลวง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 270/8 ม.7 ต.ศรีสุทโธ อ.บ้านดุง จว.อุดรธานี นางบังอร พลเทียน อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 319/53 ม.7 ต.หนองบัว อ.เมือง จว.อุดรธานี นางคำพอง พรหมหลวง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108 ม.13 ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จว.อุดรธานี และนางสาวพวงเพ็ชร พลวาปี อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 319/53 ม.7 ต.หนองบัว อ.เมือง จว.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์ กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา ทะเบียน บจ-2637 หนองบัวลำภู จำนวน 1 คัน อาวุธปืนพกสั้น ขนาด.38 ลูกโม่ 1 กระบอกและกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ ของดีแทค จำนวน 1 อัน และยี่ห้อเอไอเอส จำนวน 1 อัน
การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คนสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2552 เวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เพ็ญ จว.อุดรธานี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบศพลอยน้ำอยู่ที่บริเวณหนองน้ำศรีเจริญ บ้านธาตุ ม.1 ต.บ้านธาตุ อ.เพ็ญ จว.อุดรธานี เมื่อไปตรวจสอบที่เกิดเหตุก็พบศพ นายเอกพันธ์ คันธะไชย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.9 ต.หนองแวง อ.น้ำโสม จว.อุดรธานี ถูกทำร้ายด้วยของแข็งที่บริเวณท้ายทอยจนน่วม
ทั้งยังพบ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีเหลือง-ดำ ทะเบียน กยน-667 กระบี่ ล้มอยู่ข้างหนองน้ำ พบข้องใส่ปลาช่อนจำนวน 2 ตัว และพบแห ถูกหว่านอยู่ในหนองน้ำ ซึ่งเต็มไปด้วยจอกแหน นายเอกพันธ์ ผู้ตาย เป็นสามีของนางสาวพวงเพ็ชร พลวาปี อายุ 18 ปี และเป็นบุตรเขยนางบังอร พลเทียน อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 319/53 ม.7 ต.หนองบัว อ.เมือง จว.อุดรธานี
จากการสอบสวนเบื้องต้น นางสาวพวงเพ็ชร ให้การว่าสามีน่าจะจมน้ำตายขณะหว่านแห ในขณะที่มารดาของผู้ตาย ไม่เชื่อว่าบุตรชายจะจมน้ำตาย เพราะบุตรชาย เป็นคนเกียจคร้าน เกเร ไม่เคยทำมาหากิน เป็นไปไม่ได้ที่บุตรชาย จะไปหว่านแหหาปลา อีกทั้งการชันสูตรศพของแพทย์ ระบุว่าถูกทำร้ายด้วยของแข็ง ไม่มีคม จนเสียชีวิต ก่อนที่จะจมน้ำ และไม่พบน้ำในปอด
สำหรับสามีภรรยาคู่นี้ ลอบมีความสัมพันธ์กันก่อนแต่งงานทำให้ญาติไม่ค่อยพอใจนัก เพราะนายเอกพันธ์ เป็นคนไม่ทำมาหากิน แต่ทั้งคู่ยังได้ไปจดทะเบียนสมรส เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2552 จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากศูนย์สืบสวนสอบสวนภาค 4 ไปทำการสืบสวนสาเหตุการตายอย่างละเอียด เพราะคิดว่าบุตรชาย ถูกฆาตกรรมอำพราง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบก็พบพิรุธการตายหลายประเด็น และยังพบว่า ในช่วงวันที่ 12-14 ม.ค. 2552 หลังการจดทะเบียนสมรสกับภรรยา นายเอกพันธ์ผู้ตาย ได้ทำประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุ ถึง 4 บริษัท คือ บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต บริษัทอาคเนย์ประกันชีวิต บริษัทไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย และบริษัทวิริยะประกันภัย แต่การทำประกันชีวิตดังกล่าว มี นายประเวทย์ พรหมหลวง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 270/8 ม.7 ต.ศรีสุทโธ อ.บ้านดุง จว.อุดรธานี เป็นผู้จัดทำให้เองส่วนหนึ่ง และนางสาวพวงเพ็ชร ซึ่งเป็นภรรยา เป็นผู้จัดทำให้ส่วนหนึ่ง ระบุผู้รับผลประโยชน์คือ นางสาวพวงเพ็ชร เพียงผู้เดียว
โดยมียอดเงินที่จะได้รับผลประโยชน์จากการตายของนายเอกพันธ์ จำนวน 2,600,000 บาท และจากข้อมูลทั้งหมดที่ตำรวจทราบ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการฆ่าเพื่อหวังเงินประกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำตัวผู้เกี่ยวข้อง และญาติทั้ง 2 ฝ่าย มาสอบปากคำ แต่ละคนได้ให้การขัดแย้งกัน
จากการสอบปากคำญาติของนางบังอร แม่ยายของผู้ตาย ทราบว่า วันที่ 6 มี.ค. 2552 มีนายประเวทย์ ซึ่งเป็นครูโรงเรียนขยายโอกาสแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอบ้านดุง นางคำพอง พรหมหลวง อายุ 50 ปี พี่ชาย พี่สาวของนางบังอร และนางสาวพวงเพ็ชร ภรรยาผู้ตาย ได้วางแผนฆ่านายเอกพันธ์ที่บ้านของนางบังอร ซึ่งนายประเวทย์ เป็นคนจัดหาทีมฆ่า และสร้างพยานหลังฐานอำพรางการตายให้เป็นอุบัติเหตุ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยาน หลักฐาน ขอหมายจับจากศาลจังหวัดอุดรธานี จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน กระทั่งจับกุม นางบังอรและนางสาวพวงเพ็ชร ได้ที่ห้างโลตัสอุดรธานี จับกุม นายประเวทย์ ได้ที่หน้าโรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม พร้อมรถยนต์ กระบะ ทะเบียน บจ-2637 หนองบัวลำภู และจับกุม นางคำพอง ได้ที่บ้านพัก
ภายหลังถูกจับกุม นายประเวทย์และนางคำพอง ซึ่งเป็นพี่ชายและพี่สาวของนางบังอร ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอไปให้การในชั้นศาล ส่วนนางบังอร และนางสาวพวงเพ็ชร แม่ยายและภรรยาของผู้ตาย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า ได้วางแผนฆ่านายเอกพันธ์จริง
วันที่ 22 เม.ย. พล.ต.ต.เฉลิมชัย จงศิริ รอง ผบช.ภ.4 แถลงข่าวการจับกุม นายประเวทย์ พรหมหลวง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 270/8 ม.7 ต.ศรีสุทโธ อ.บ้านดุง จว.อุดรธานี นางบังอร พลเทียน อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 319/53 ม.7 ต.หนองบัว อ.เมือง จว.อุดรธานี นางคำพอง พรหมหลวง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108 ม.13 ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จว.อุดรธานี และนางสาวพวงเพ็ชร พลวาปี อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 319/53 ม.7 ต.หนองบัว อ.เมือง จว.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์ กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา ทะเบียน บจ-2637 หนองบัวลำภู จำนวน 1 คัน อาวุธปืนพกสั้น ขนาด.38 ลูกโม่ 1 กระบอกและกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ ของดีแทค จำนวน 1 อัน และยี่ห้อเอไอเอส จำนวน 1 อัน
การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คนสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2552 เวลาประมาณ 07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เพ็ญ จว.อุดรธานี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบศพลอยน้ำอยู่ที่บริเวณหนองน้ำศรีเจริญ บ้านธาตุ ม.1 ต.บ้านธาตุ อ.เพ็ญ จว.อุดรธานี เมื่อไปตรวจสอบที่เกิดเหตุก็พบศพ นายเอกพันธ์ คันธะไชย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.9 ต.หนองแวง อ.น้ำโสม จว.อุดรธานี ถูกทำร้ายด้วยของแข็งที่บริเวณท้ายทอยจนน่วม
ทั้งยังพบ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีเหลือง-ดำ ทะเบียน กยน-667 กระบี่ ล้มอยู่ข้างหนองน้ำ พบข้องใส่ปลาช่อนจำนวน 2 ตัว และพบแห ถูกหว่านอยู่ในหนองน้ำ ซึ่งเต็มไปด้วยจอกแหน นายเอกพันธ์ ผู้ตาย เป็นสามีของนางสาวพวงเพ็ชร พลวาปี อายุ 18 ปี และเป็นบุตรเขยนางบังอร พลเทียน อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 319/53 ม.7 ต.หนองบัว อ.เมือง จว.อุดรธานี
จากการสอบสวนเบื้องต้น นางสาวพวงเพ็ชร ให้การว่าสามีน่าจะจมน้ำตายขณะหว่านแห ในขณะที่มารดาของผู้ตาย ไม่เชื่อว่าบุตรชายจะจมน้ำตาย เพราะบุตรชาย เป็นคนเกียจคร้าน เกเร ไม่เคยทำมาหากิน เป็นไปไม่ได้ที่บุตรชาย จะไปหว่านแหหาปลา อีกทั้งการชันสูตรศพของแพทย์ ระบุว่าถูกทำร้ายด้วยของแข็ง ไม่มีคม จนเสียชีวิต ก่อนที่จะจมน้ำ และไม่พบน้ำในปอด
สำหรับสามีภรรยาคู่นี้ ลอบมีความสัมพันธ์กันก่อนแต่งงานทำให้ญาติไม่ค่อยพอใจนัก เพราะนายเอกพันธ์ เป็นคนไม่ทำมาหากิน แต่ทั้งคู่ยังได้ไปจดทะเบียนสมรส เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2552 จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากศูนย์สืบสวนสอบสวนภาค 4 ไปทำการสืบสวนสาเหตุการตายอย่างละเอียด เพราะคิดว่าบุตรชาย ถูกฆาตกรรมอำพราง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบก็พบพิรุธการตายหลายประเด็น และยังพบว่า ในช่วงวันที่ 12-14 ม.ค. 2552 หลังการจดทะเบียนสมรสกับภรรยา นายเอกพันธ์ผู้ตาย ได้ทำประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุ ถึง 4 บริษัท คือ บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต บริษัทอาคเนย์ประกันชีวิต บริษัทไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย และบริษัทวิริยะประกันภัย แต่การทำประกันชีวิตดังกล่าว มี นายประเวทย์ พรหมหลวง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 270/8 ม.7 ต.ศรีสุทโธ อ.บ้านดุง จว.อุดรธานี เป็นผู้จัดทำให้เองส่วนหนึ่ง และนางสาวพวงเพ็ชร ซึ่งเป็นภรรยา เป็นผู้จัดทำให้ส่วนหนึ่ง ระบุผู้รับผลประโยชน์คือ นางสาวพวงเพ็ชร เพียงผู้เดียว
โดยมียอดเงินที่จะได้รับผลประโยชน์จากการตายของนายเอกพันธ์ จำนวน 2,600,000 บาท และจากข้อมูลทั้งหมดที่ตำรวจทราบ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการฆ่าเพื่อหวังเงินประกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำตัวผู้เกี่ยวข้อง และญาติทั้ง 2 ฝ่าย มาสอบปากคำ แต่ละคนได้ให้การขัดแย้งกัน
จากการสอบปากคำญาติของนางบังอร แม่ยายของผู้ตาย ทราบว่า วันที่ 6 มี.ค. 2552 มีนายประเวทย์ ซึ่งเป็นครูโรงเรียนขยายโอกาสแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอบ้านดุง นางคำพอง พรหมหลวง อายุ 50 ปี พี่ชาย พี่สาวของนางบังอร และนางสาวพวงเพ็ชร ภรรยาผู้ตาย ได้วางแผนฆ่านายเอกพันธ์ที่บ้านของนางบังอร ซึ่งนายประเวทย์ เป็นคนจัดหาทีมฆ่า และสร้างพยานหลังฐานอำพรางการตายให้เป็นอุบัติเหตุ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยาน หลักฐาน ขอหมายจับจากศาลจังหวัดอุดรธานี จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน กระทั่งจับกุม นางบังอรและนางสาวพวงเพ็ชร ได้ที่ห้างโลตัสอุดรธานี จับกุม นายประเวทย์ ได้ที่หน้าโรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม พร้อมรถยนต์ กระบะ ทะเบียน บจ-2637 หนองบัวลำภู และจับกุม นางคำพอง ได้ที่บ้านพัก
ภายหลังถูกจับกุม นายประเวทย์และนางคำพอง ซึ่งเป็นพี่ชายและพี่สาวของนางบังอร ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอไปให้การในชั้นศาล ส่วนนางบังอร และนางสาวพวงเพ็ชร แม่ยายและภรรยาของผู้ตาย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า ได้วางแผนฆ่านายเอกพันธ์จริง
