xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่ายค้านขู่ซักฟอกรมต.ซุกกิ๊ก เสี้ยมปชป.เบื่อพรรคร่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย หนึ่งในคณะทำงานเตรียมการ อภิปรายไม่ว้วางใจรัฐบาล กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้ส.ส.ของพรรคแจ้งความประสงค์ที่จะขออภิปรายไม่ไว้วางใจหากมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรี แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งจะชี้ขาดในการประชุมพรรควันที่ 24 ก.พ.
ส่วนการอภิปรายในประเด็นรัฐมนตรีมีกิ๊กนั้น ค่อนข้างชัดเจนจากการแต่งตั้งผู้ช่วยรัฐมนตรีล่าสุด สำหรับกรณีปลากระป๋องเน่านั้น แม้จะมีการปรับรัฐมนตรีที่รับผิดชอบออกไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ก็ยังไม่พ้นผิด เนื่องจากมีหลักฐานเป็นรูปถ่าย นายอภิสิทธิ์จากเอกสาร แผ่นพับ ที่แนบไปกับถุงยังชีพของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อย่างชัดเจน ส่วนเวลาในการอภิปรายนั้นคาดว่าจะใช้เพียง 1-2 วัน
ด้านนายสุรชัย เบ้าจรรยา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุมพรรควันอังคารที่ 24 ก.พ.นี้ จะมีการจัดวางตัวผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่วนที่ต้องอภิปรายรัฐมนตรีมีกิ๊กนั้นแม้ไม่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน แต่เกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม โดยจะพุ่งเป้าไปที่ตัวรัฐมนตรีเป็นหลัก จะพูดถึงบุคคลที่ 3 เพียงบางส่วน เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นของถนัดสำหรับพรรคประชาธิปัตย์
จะพูดถึงเรื่องการแต่งตั้งผู้ช่วยรัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี ที่เกิดจากความใกล้ชิดสนิทสนม ซึ่งมีที่มาที่ไป ไม่ต่างจากกรณีเงิน 250 ล้านบาท เพราะได้เลี้ยงเอาไว้คอยช่วยงาน ไปไหนก็ไปด้วยกัน เอาสมบัติเงินทอง ไปซุกซ่อน เอาไว้ ซึ่งถือว่าเป็นการหลบเลี่ยงกฎหมาย หลบเลี่ยงรัฐธรรมนูญ ซึ่งมี 4-5 คน
ส่วนรัฐมนตรีรายใดมีพฤติกรรมเช่นนี้บ้างนั้น นายสุรชัย กล่าวว่า ในวงการการเมือง รวมทั้งสื่อมวลชนเองก็รู้กันดี เพียงแต่ประชาชนทั่วไป ชาวบ้านต่างจังหวัด ยังไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ นอกจากนี้จะพูดถึงเรื่องคนใกล้ชิดที่ไม่จดทะเบียนสมรส ตลอดจนการปกปิดบัญชีทรัพย์สินที่ฝากไว้กับคนใกล้ชิดที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสด้วย สำหรับเรื่องนี้จะไม่พุ่งเป้าไปที่ตัวนายกฯ แต่โฟกัสไปที่หัวขบวนรัฐบาล ถ้าเปิดออกมาแล้วไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
นายสุรชัย กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นที่จะอภิปรายรัฐบาลกรณีการบริจาคเงิน 250 ล้านบาท ของบริษัททีพีไอ โพลีน เข้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นการทำผิด กฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ และ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งตรงนี้ อาจนำไปสู่การยื่นถอดถอนนายกฯได้
ขณะที่นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทีมงาน ที่จะยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีนั้น กำลังรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด เบื้องต้นจะยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีในประเด็นพรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาค 250 ล้าน และรัฐมนตรีอีกคนที่จะต้องถูกยื่นถอดถอนเช่นกัน คือ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ โดยจะยื่นในประเด็นเรื่องจริยธรรม

รมต.เพื่อนเนวิน ติดร่างแห
นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้แจ้ง ความประสงค์จะขออภิปรายนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กรณีเป็น ผู้ก่อการร้ายยึดสนามบินสุวรรณภูมิกับแกนนำพรรคแล้ว โดยจะเชื่อมโยงให้เห็นว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ทำให้ประเทศชาติเสียหาย มหาศาล และเท่าที่ทราบการอภิปรายครั้งนี้จะมีรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลติดร่างแหด้วย โดยเฉพาะนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ของกลุ่มเพื่อนเนวิน เพราะที่ผ่านมากลุ่มดังกล่าวมีพฤติการณ์ส่อไปในทางร่ำรวยผิดปกติ มีทั้งโรงโม่ หรือแม้กระทั่งอาคารสิริภิญโญ วันนี้ก็ยังมีเงินแจกให้ส.ส.ในกลุ่มต่อคนเดือนละหลายแสนบาท
ขณะที่โครงการถนนปลอดฝุ่นนั้นก็มีข้อที่น่าสงสัย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ช่วงที่นายโสภณเป็น รมช.คมนาคม สมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี เคยประกาศจะเดินหน้าโครงการนี้ แต่พอมาถึงรัฐบาลชุดนี้กลับยอมให้มีการชะลอไว้ก่อน ไม่รู้ว่ามีการตกลงเพื่อแลกกันอะไรบางอย่างหรือไม่

ปูดปชป.ทาบพท.เสียบแทนพรรคร่วม
ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้คุยให้ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยฟังว่า ได้ไปรับประทานอาหารร่วมกับส.ส.รุ่นเดียวกันในพรรคประชาธิปัตย์โดยปรารภให้ฟังถึงความอึดอัดใจต่อพรรคร่วมรัฐบาล จึงอยากเปลี่ยนขั้วมาจับมือกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า ไปรับประทานอาหารกับใคร แต่ไม่ใช่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โดยได้พูดคุยถึงเรื่องทั่วไป รวมถึงประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย
ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์คนดังกล่าวถามผมว่า ในพรรคเพื่อไทยใครมีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ ผมจึงตอบกลับไปว่าไม่ทราบ ส่วนที่เขามาปรึกษานั้นเพราะเห็นบทบาท ของผมเวลาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขอร้องอะไรมาหากทำได้ก็ทำให้ทั้งนั้น ก็ได้บอกแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ไปว่า ผมไม่ได้โทรศัพท์ไปหา มีแต่ท่านโทรศัพท์มาหา หากโทรศัพท์มาอีกแล้วถามถึงเรื่องนี้ผมก็จะเล่าให้ฟังด้วย

อ้างปชป.อึดอัดพฤติกรรมพรรคร่วม
ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวถึงสาเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์อยากเปลี่ยนขั้วด้วยว่า เกิดจากความอึดอัดใจต่อการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีแค่ 81 เสียงแต่กลับได้เลือกตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญไปหมดรวมทั้งได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเยอะกว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่มีส.ส.ถึง 173 คน ที่สำคัญคือ พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ค่อย เข้าร่วมประชุมทำให้การนับองค์ประชุมแต่ละครั้งเสียงปริ่มน้ำ สภาพการเมืองขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ดูไม่แฮปปี้ มีปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง และหลังจากพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลมาได้เดือนกว่า แม้พรรคเพื่อไทยค้านไม่ค่อยเป็นก็ยังมีสภาพขนาดนี้ ไม่เคยเห็นรัฐบาลชุดไหนในรอบ 30 ปีที่บริหารได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีอาการร่อแร่ ถ้าฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้เข้มแข้งกว่านี้รัฐบาลไม่ฉิบหายหรือ ดังนั้นแสดงว่าเรื่องนี้ภายในพรรคประชาธิปัตย์คงมีการหารือกันจริง

ปฏิเสธเสี้ยมให้รัฐบาลแตกกันเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเปิดเผยเรื่องนี้เพราะต้องการให้พรรคร่วมแตกคอกับ พรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ถ้าแตกกันจริง ก็ช่วยไม่ได้ เพราะไม่ได้มีเจตนาให้แตกคอกันเอง
ส่วนมีความเป็นไปได้แค่ไหนนั้น ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน และไม่ใช่ 1บวก 1 เท่ากับ 2 เสมอไป เพราะการเมืองเป็นเรื่องการต่อรอง เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์หาท่านเป็นประจำจะแจ้งให้ทราบถึงเรื่องนี้ให้ทราบอย่างไร ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า ถ้าท่านถามมา ก็ต้องตอบไป ส่วนหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้วมีความเป็นไปได้ที่ พรรคประชาธิปัตย์จะจับมือพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า คนที่แย่งเมียเพื่อนไปยังร่วมทำงานกันได้เลย

เผยแม้วเตรียมบินไปดูไบ
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางไปเยี่ยมพ.ต.ท.ทักษิณที่ฮ่องกงนั้น ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า มีพล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจนบุรี พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ ที่เดินทางไป แต่ไม่ทราบว่าท่านอยู่ประเทศไหน ทราบเพียงว่าบินจากนิคาลากัวมาที่สิงคโปร์แล้วและจะบินไปถึงฮ่องกงในวันที่ 19 ก.พ.ก่อนที่จะไปดูไบ
ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวด้วยว่า หลังจากมีข่าวออกไปว่าฝ่ายค้านมีมติยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลมีข้าราชการและเอกชนส่งข้อมูลมาให้หลายเรื่อง โดยเฉพาะกรณีโครงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกรมสรรพาวุธ กองทัพบก ที่มีความไม่โปร่งใส และการปฏิรูปที่ดินแจกสปก.4-01 ซึ่งเราจะตรวจสอบก่อนว่า เป็นอย่างไร ถ้าพบความไม่โปร่งใสจริงจะยื่นญัตติตรวจสอบรัฐมนตรีที่รับผิดชอบอย่างแน่นอน

มาร์คพร้อมแจงญัตติซักฟอก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับพรรคฝ่ายค้านที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า รอดูญัตติก่อน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการพูดถึงเรื่องหลังบ้าน หรือคู่นอกสมรสของรัฐมนตรีนั้นตนไม่ทราบว่า หมายถึงอะไร ยื่นถึงรัฐมนตรีท่านใดบ้าง คงทรางหลังมีการยื่นญัตติ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีชื่อนายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศแน่นอนที่จะถูกซักฟอก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พอเห็นภาพมาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่เป็นไร ตนเตรียมชี้แจง และไม่กังวลที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องปัญหาจริยธรรม พร้อมชี้แจง แต่การอภถิปรายรัฐมนตรี ต้องเป็นไปตามกติกา ตามประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน
ผู้สื่อข่าวถามว่าการอภิปรายเรื่องชู้สาวถือเป็นการชกใต้เข็มขัดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวพร้อมหัวเราะเบาๆ ว่า ต้องฟังเหตุผลที่หยิบยกขึ้นมา ถ้ามีเหตุผล ก็ต้องชี้แจง ตนไม่มีอะไรเพิ่มเติมในการกำชับกับ ครม. จากวันแรกที่พูดไปแล้ว ตามแนวทาง 9 ข้อ ก็ให้ยึดถือตามนั้น เมื่อถามว่า ครม.ผ่านมาเกือบ 2 เดือน คิดว่า ครม.เดินตามแนวทาง 9 ข้อที่ตั้งไว้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราบริหารตามแนวทางนั้นอยู่

ปัดอีดอัดพรรคร่วมรัฐบาล
ส่วนกรณีที่ ร.ต.ท.เชาวริน ลักธศักดิ์ศิริ ออกมาระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์อึดอัดที่ต้องร่วมงานกับพรรคร่วมรัฐบาลและอยากได้ พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไร บางทีก็อาจมีการพูดลักษณะอย่างนี้บ้าง บางวันก็พูดแบบตรงข้าม บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องเอาใจ พรรคร่วมอยู่ตลอดเวลา ตนเห็นว่าเป็นธรรมดาที่วิเคราะห์ วิจารณ์กัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร.ต.ท.เชาวริน ระบุว่าได้คุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีแล้วโดยบอกว่ารู้สึกอึดอัดที่ร่วมรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาล เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินว่า 2 ท่านนี้พูดคุยกัน การทำงานรัฐบาลผสม อาจมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เข้าใจหรือเห็นไม่ตรงกันบ้าง เป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่ต้องบริหารไม่ให้กระทบการทำงานรัฐบาล ขณะนี้การทำงานเรียบร้อยดี
ส่วนการที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยออกมาพูดเช่นนี้เป็นการดิสเครดิตหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าข่าวมาอย่างไร พูดตรงๆ ไม่ให้ความใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ ฟังไว้แต่ต้องสนใจเรื่องงานมากกว่า ตนย้ำกับรัฐบาลตลอดว่ารัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ขึ้นอยู่ที่งาน

เทพเทือกซักโกโบรินเพ้อเจ้อ
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าไม่เคยเจอและร่วมรับประทานอาหารกับ ร.ต.ท.เชาวริน เป็นการพูดเพ้อเจ้อของ ร.ต.ท.เชาวริน เพื่อสร้างข่าวให้เกิดความวุ่นวาย พร้อมกันนี้ยืนยันพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคร่วมยังรักกันดี ทำงานด้วยความแนบแน่นไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อีกทั้งเชื่อว่าไม่มีใครมีแนวคิดตามที่ ร.ต.ท.เชาวริน ออกมาระบุ
พร้อมกันนี้ นายสุเทพ ยังฝากเตือนทุกฝ่ายโดยเฉพาะสื่อมวลชน อย่าไปหลงเชื่อคำพูดของ ร.ต.ท.เชาวริน ที่มักชอบพูดไปเรื่อยเปื่อย

ชวรัตน์ยันพรรคร่วมแน่นแฟ้น
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวยืนยันว่า ไม่มีการแตกคอ ความสัมพันธ์ยังแนบแน่น ส่วนกรณีที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสมาชิกของพรรคภูมิใจไทย ออกมาประกาศเดิมพันลาออกจากตำแหน่ง หากนายกรัฐมนตรีไม่ลงนามรับรองร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุนั้น เชื่อว่าจะไม่นำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ และมั่นใจว่า ในที่สุดเรื่องดังกล่าวจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี และเห็นว่า การเป็น พรรคการเมืองต้องมีความหนักแน่น นายกรัฐมนตรีมีภารกิจในการทำงานมาก พรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล จะรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

ปชป.จวกพท.การเมืองน้ำเน่า
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยมั่นใจว่า เรื่องที่ฝ่ายค้านกำลังสร้างกระแสเกี่ยวกับการใช้เงินไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบลับ 2,000 ล้านบาท และเงิน 250 ล้านบาทหรือเงิน 23 ล้านบาท ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ ไม่เป็นจริง โดยคิดว่าประชาชนทราบแล้ว เข้าใจดีแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องแต่อย่างใด พรรคจึงเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงอะไรอีก จนกระทั่งจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ส่วนกรณีฝ่ายค้านเตรียมประเด็นเรื่องของคุณธรรมและจริยธรรม เช่น เรื่องชู้สาว คู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน และการปกปิดบัญชีทรัพย์สินผ่านทางคู่สมรส ที่ไม่ได้จดทะเบียน โดยอาจพุ่งเป้ามาที่พรรคประชาธิปัตย์นั้น นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า เป็นการเล่นการเมืองแบบเก่า ที่พยายามสร้างกระแสข่าวเพื่อให้เป็นประเด็นในการทำลายมากกว่า ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ และหากกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ก็ต้องดูกันต่อไป แต่หากเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตามที่กล่าวหามา ผู้ที่ถูกพาดพิงก็ต้องใช้เอกสิทธิของตัวเอง ในการดำเนินการฟ้องร้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้รัฐมนตรีแต่ละคนที่ถูกพาดพิงชี้แจงเองใช่หรือไม่ นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า ตอนนี้ข้อกล่าวหาไม่ชัด เพราะเป็นการเปลี่ยนประเด็นจากเรื่องเงินไปเป็น เรื่องการใช้เส้นนอกระบบและกลายเป็นเรื่องส่วนตัว จึงอยากรอให้ฝ่ายค้านมีเอกภาพ ก่อนว่าจะตจรวจสอบรัฐบาลในเรื่องใดเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่เป็นการสร้างกระแสเพื่อประโยชน์ของคนส่วนน้อยที่เป็นต้นเหตุของวิกฤตในอดีต
กำลังโหลดความคิดเห็น