หนองคาย - ตำรวจเมืองหนองคาย รวบแก๊งหนุ่มเวียดนามซื้อไม้จันทน์หอมจากพิษณุโลกหวังนำไปขายป้อนโรงงานผลิตน้ำหอมที่ประเทศลาว คาดขบวนการเวียดนามเปลี่ยนเส้นทางขนไม้จันทน์หอมเถื่อนจากชายแดนภาคเหนือมาอีสานหลังเจ้าหน้าที่เข้มงวด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (2 เม.ย.) พ.ต.อ.ธีระพงษ์ วงศ์รัฐพิทักษ์ ผกก.สภ.เมืองหนองคาย, พ.ต.ท.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผกก.(สส.) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายฮอง ดัง วิน (HOANG DUNG VINH) อายุ 43 ปี ชาวเวียดนาม และนายรุ่งอรุณ แก้วมาลัยทิพย์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 1 ต.แม่ระกา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก พร้อมของกลางไม้จันทน์หอม หั่นเป็นท่อนขนาดไม่เท่ากัน บรรจุในกระสอบพลาสติก 3 กระสอบ น้ำหนักรวม 54 ก.ก., รถยนต์กระบะบรรทุกยี่ห้อนิสสัน หมายเลขทะเบียน บธ 7040 แพร่ และธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อจำนวน 9,400 บาท
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบทราบว่าจะมีขบวนการลักลอบนำไม้จันทน์หอมมาขายให้พ่อค้าคนไทย จึงได้สืบสวนติดตามจนทราบว่าเป็นนายฮอง ดัง วิน และนายรุ่งอรุณ ตำรวจจึงวางแผนล่อซื้อไม้จันทน์หอมจำนวน 9,400 บาท นัดส่งมอบที่ลานจอดรถภายในวัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย และสามารถจับกุมทั้งสองคนพร้อมยึดของกลางทั้งหมดไว้
สอบสวนนายฮอง ดัง วิน ให้การว่า ตนเป็นชาวเวียดนามมาทำงานก่อสร้างในเวียงจันทน์หลายปี และมีเพื่อนชาวเวียดนามมาชวนให้ไปซื้อไม้จันทน์หอมทางภาคเหนือของไทยมาขายต่อให้โรงงานผลิตน้ำหอมที่เมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ตนจึงตกลงทำ โดยตนได้ว่าจ้างนายรุ่งอรุณ เป็นเงิน 8,000 บาท ให้ขับรถพาไปติดต่อซื้อไม้จันทน์หอมกับนายหน้าชาวลาวที่อยู่ใน อ.เมืองพิษณุโลก และนัดส่งไม้กันบริเวณริมทางถนนสายระหว่างอำเภอวังทอง – พิษณุโลก
โดยไม้จันทน์หอมจำนวนนี้ตนใช้เงินส่วนตัวซื้อมา 7,000 บาท หวังจะนำไปขายต่อได้ราคาประมาณ 15,000-30,000 บาท ซึ่งได้เดินทางจาก จ.พิษณุโลก มายัง จ.หนองคาย และจะข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว นำไม้จันทน์หอมไปขายที่เมืองปากซัน ซึ่งไม้จันทน์หอมในประเทศไทยมีคุณภาพดี เมื่อนำไปบดทำเป็นน้ำหอม หรือผลิตภัณฑ์เครื่องหอมจะได้คุณภาพดี
ส่วนนายรุ่งอรุณให้การว่า นายฮอง ดัง วิน เพิ่งว่าจ้างตนครั้งนี้เป็นครั้งแรก ส่วนที่ผ่านมาในแต่ละเดือนจะมีชาวเวียดนามมาว่าจ้างตนให้พาไปติดต่อซื้อไม้จันทน์หอมเป็นประจำ
พ.ต.อ.ธีระพงษ์ วงศ์รัฐพิทักษ์ ผกก.สภ.เมืองหนองคาย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหนังสือเดินทางของนายฮอง ดัง วิน พบว่ามีการประทับตราเข้าออกประเทศลาวมายังด่านชายแดนภาคเหนือของไทยบ่อยครั้ง และมีขบวนการลักลอบค้าไม้จันทน์หอมชาวเวียดนามทางภาคเหนือจำนวนมาก ขณะนี้ขบวนการลักลอบค้าไม้จันทน์หอมได้เปลี่ยนเส้นทางจากภาคเหนือ มาใช้เส้นทางชายแดนภาคอีสานนำส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันมากขึ้น
แต่ขบวนการลักลอบก็ยังพยายามลักลอบซื้อขายกันอยู่ ซึ่งจะได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดในพื้นที่รับผิดชอบ ส่วนไม้จันทน์หอมของกลางทั้งหมดจะได้ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ดำเนินการต่อไป
ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองคนถูกดำเนินคดีในข้อหาค้าและมีของป่าไว้ในความครอบครองเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ