พิจิตร - อบต.พิจิตร ฉาว หักหัวคิวเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 30 บาท/คน/เดือน อ้างใช้จัดซื้อรถตู้พยาบาล แต่กลับซื้อรถมาใช้เอง ขณะที่ผู้ว่าฯ สั่งตั้งกรรมการสอบมาแล้ว 5 วันยังไม่คืบ
ความคืบหน้ากรณีที่นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้รับหนังสือร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม ที่มีผู้สูงอายุได้ร้องทุกข์มาว่า ถูกผู้บริหาร อบต.แห่งหนึ่งยักยอกทรัพย์ข่มขู่ โดยอ้างการทำเวทีประชาคมมัดมือชก หักหัวคิว เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้ลงชื่อรับเงินสด 500 บาท แต่ใส่ซองให้ 470 บาทนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ อบต.แห่งนี้อ้างว่าหัก 30 บาท เพื่อเอาไปรวมจัดทำสวัสดิการช่วยเหลือผู้สูงอายุ โดยจะเอาไปซื้อรถตู้มาทำรถฉุกเฉิน สำหรับบริการพาคนป่วยไปรักษาตัวที่ รพ. หากมีเหตุต่างๆ
สำหรับเรื่องที่ชาวบ้านร้องเรียนเข้ามากลับไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีชาวบ้านเข้าร้องเรียนผ่านผู้สื่อข่าวว่า ผู้บริหาร อบต.แห่งนี้อ้างบุญคุณว่าเงินที่แจกผู้สูงอายุเป็นการอนุมัติจากฝ่ายบริหาร ซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นจริง คือเงินดังกล่าวเป็นเงินที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ เพื่อเป็นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไม่เลือกว่าจะเป็นใคร
ผู้สูงอายุที่เดือดร้อนร้องทุกข์อีกว่า อบต.แห่งนี้ตั้งกฎว่าต้องให้ไปรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วยตนเอง คนแก่บางคนเดินแทบไม่ไหว พิการ มีโรคประจำตัว ก็ต้องเหมารถให้ลูกให้หลานหามมารับเงินทั้งๆที่มอบอำนาจให้ลูกหลานมารับแทนก็ได้ แต่นายก อบต.ขู่ว่าจะตัดสิทธิหากไม่มารับเงินด้วยตนเอง
หลังจากรับเงิน เจ้าหน้าที่ อบต.ก็ได้หักเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไว้คนละ 30 บาท/คน/เดือน เอาไปซื้อรถตู้โตโยต้าสีขาวรุ่นหลังคาสูง ราคา 1 ล้านบาทเศษ อ้างจะเอาไว้ใช้เป็นรถพยาบาลรับส่งผู้สูงอายุที่เจ็บไข้ได้ป่วยเพื่อส่งโรงพบาบาล โดยผู้ร้องทุกข์ชี้เบาะแสว่าแท้จริงผู้บริหาร อบต.แห่งนี้เอารถตู้คันดังกล่าวไปขับ แถมใช้ชื่อบุคคลภายนอกเป็นเจ้าของรถ ไม่ใช่ใช้ชื่อว่าเป็นรถสาธารณะ หรือยกให้ อบต.แต่อย่างใด
ในส่วนของศูนย์ดำรงธรรม นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้สั่งให้คณะกรรมการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้ทราบภายใน 15 วัน ซึ่งขณะนี้ผ่านไป 5 วันแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเอาคนผิดมาลงโทษได้ ยังคงปล่อยให้คนแก่พิจิตรถูกเอารัดเอาเปรียบต่อไป
ความคืบหน้ากรณีที่นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้รับหนังสือร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม ที่มีผู้สูงอายุได้ร้องทุกข์มาว่า ถูกผู้บริหาร อบต.แห่งหนึ่งยักยอกทรัพย์ข่มขู่ โดยอ้างการทำเวทีประชาคมมัดมือชก หักหัวคิว เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้ลงชื่อรับเงินสด 500 บาท แต่ใส่ซองให้ 470 บาทนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ อบต.แห่งนี้อ้างว่าหัก 30 บาท เพื่อเอาไปรวมจัดทำสวัสดิการช่วยเหลือผู้สูงอายุ โดยจะเอาไปซื้อรถตู้มาทำรถฉุกเฉิน สำหรับบริการพาคนป่วยไปรักษาตัวที่ รพ. หากมีเหตุต่างๆ
สำหรับเรื่องที่ชาวบ้านร้องเรียนเข้ามากลับไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีชาวบ้านเข้าร้องเรียนผ่านผู้สื่อข่าวว่า ผู้บริหาร อบต.แห่งนี้อ้างบุญคุณว่าเงินที่แจกผู้สูงอายุเป็นการอนุมัติจากฝ่ายบริหาร ซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นจริง คือเงินดังกล่าวเป็นเงินที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ เพื่อเป็นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไม่เลือกว่าจะเป็นใคร
ผู้สูงอายุที่เดือดร้อนร้องทุกข์อีกว่า อบต.แห่งนี้ตั้งกฎว่าต้องให้ไปรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วยตนเอง คนแก่บางคนเดินแทบไม่ไหว พิการ มีโรคประจำตัว ก็ต้องเหมารถให้ลูกให้หลานหามมารับเงินทั้งๆที่มอบอำนาจให้ลูกหลานมารับแทนก็ได้ แต่นายก อบต.ขู่ว่าจะตัดสิทธิหากไม่มารับเงินด้วยตนเอง
หลังจากรับเงิน เจ้าหน้าที่ อบต.ก็ได้หักเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไว้คนละ 30 บาท/คน/เดือน เอาไปซื้อรถตู้โตโยต้าสีขาวรุ่นหลังคาสูง ราคา 1 ล้านบาทเศษ อ้างจะเอาไว้ใช้เป็นรถพยาบาลรับส่งผู้สูงอายุที่เจ็บไข้ได้ป่วยเพื่อส่งโรงพบาบาล โดยผู้ร้องทุกข์ชี้เบาะแสว่าแท้จริงผู้บริหาร อบต.แห่งนี้เอารถตู้คันดังกล่าวไปขับ แถมใช้ชื่อบุคคลภายนอกเป็นเจ้าของรถ ไม่ใช่ใช้ชื่อว่าเป็นรถสาธารณะ หรือยกให้ อบต.แต่อย่างใด
ในส่วนของศูนย์ดำรงธรรม นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้สั่งให้คณะกรรมการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้ทราบภายใน 15 วัน ซึ่งขณะนี้ผ่านไป 5 วันแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเอาคนผิดมาลงโทษได้ ยังคงปล่อยให้คนแก่พิจิตรถูกเอารัดเอาเปรียบต่อไป