xs
xsm
sm
md
lg

เมืองน่านร้อนแล้งหนัก-สวนไม้ผลกระทบทั่วหน้า ผลผลิตเสียหายระนาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


น่าน - ภัยแล้งขยายวงกว้าง ล่าสุด เกษตรกรบ้านปัวชัย เดือดร้อนหนักจากภาวะภัยแล้งที่มาเร็วกว่าทุกปี ส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรที่ปลูกไว้ขายเสียหายหมด

จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดโดยช่วงบ่ายอุณหภูมิสูงถึง 39 องศา และแห้งแล้ง ได้ส่งผลให้เกษตรกรพื้นตำบลฝายแก้ว อ.ภูเพียง ต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร ทำให้พืชผลเสียหายจำนวนมาก พืชผัก ไม้ผลขาดน้ำจนไม่ติดผลผลิต และแห้งตายคาต้น

นางสุบิณ ยาแก้ว อยู่บ้านเลขที่ 228 ม.7 บ้านปัวชัย ซึ่งเป็นเกษตรกรแบบผสมผสาน มีการปลูกไม้ผลหลากหลายชนิดในพื้นที่กว่า 7 ไร่ ชี้ให้ดูผลผลิตต่างๆ ที่ปลูกไว้ ทั้งมะนาว ส้มโอ ลิ้นจี่ ส้มเขียวหวาน มะม่วง ที่กำลังติดดอก และบางส่วนให้ผลแล้ว กำลังขาดน้ำ ทำให้ผลเหลือง เหี่ยว เน่า และแห้งตายคาต้น โดยลิ้นจี่และลำไยที่กำลังติดดอก ก็ขาดน้ำจนดอกดำแห้งร่วงหมด

นางสุบิณ เปิดเผยว่า ปีที่แล้วถือว่าแล้ง แต่ก็ยังสามารถขายผลผลิตได้รวมแล้วกว่า 5 พันบาท แต่ปีนี้หน้าแล้งมาเร็วกว่าทุกปี น้ำในบ่อที่ขุดไว้ก็แห้งเร็ว คาดว่า ผลผลิตจะเสียหายทั้งหมด ได้รับความเดือดร้อนมากเพราะมีหนี้สินกับทาง ธ.ก.ส.ที่ต้องชำระด้วย

ส่วนเกษตรกรอีกราย คือ นายสำราญ คำมูลอิน ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ลงทุนปลูกส้มเขียวหวานจำนวน 15 ไร่ ลงทุนกว่า 2 แสนบาท ขณะนี้ในพื้นที่การเกษตรก็ขาดแคลนน้ำ ผลผลิตส้ม อาจจะเสียหายทั้งหมด และต้องขาดทุนแน่นอน

ในขณะเดียวกัน เกษตรกรพื้นที่ตำบลม่วงตึ๊ด อ.ภูเพียง ก็ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งเช่นกัน โดยสวนพืชผักของเกษตรกร มีใบเหลือง เหี่ยวเฉา แห้งกรอบและตายเป็นจำนวนมาก

นายสมาน ธรรมสละ ซึ่งมีอาชีพทำสวนผักริมแม่น้ำน่าน บ้านศรีบุญเรือง ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้ต้นพริก และต้นถั่วฝักยาว มะเขือ รวมถึง ใบกะเพรา เหี่ยวเฉา ใบหยิก และเน่าเสียหาย ทั้งนี้ ในปีนี้อากาศร้อนมาเร็ว ประกอบกับสภาพความแห้งแล้ง ทุกวันนี้ต้องสูบน้ำมารดทุกวัน เพิ่มขึ้นจากวันละครั้ง ต้องเพิ่มเป็น 2 ครั้ง ทั้งเช้าและเย็น โดยเฉพาะในช่วงเย็นจะให้มากเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวดิน ไม่ให้ต้นผักไม่แห้งเฉา ซึ่งก็เพิ่มค่าใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้รายได้หดหายไปกับค่าน้ำมันเบนซิน อีกทั้งต้องเร่งเก็บผลที่ยังไม่แก่เต็มที่ออกจำหน่ายสู่ตลาด ทำให้ราคาได้ลดลงเหลือกิโลกรัมละ 60-70 บาท จากในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วราคาสูงอยู่ในกิโลกรัมละ 80-110 บาท

นอกจากนี้ แปลงปลูกผักสวนครัวขายเป็นจำนวนมากกว่า 100 ไร่ ในตำบลม่วงตึ๊ด ต่างได้รับผลกระทบเหมือนกันโดยบางรายแดดร้อนจัดต้นพริกใบเหลือง ใบแห้งกรอบ และตายในที่สุดเป็นจำนวนมาก

กำลังโหลดความคิดเห็น