มหาสารคาม - ประมงจังหวัดมหาสารคามเตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง เสี่ยงขาดทุนจากการเลี้ยง เนื่องจากความแปรปรวนของสภาพอากาศส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงปลากระชังในลำน้ำชีของเกษตรกร ทำให้ปลาที่ใกล้จับขายช็อกตาย
นายกะวิ สรณคมน์กุล ประมงจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า เกษตรกรแถบอำเภอโกสุมพิสัย เชียงยืน กันทรวิชัย และอำเภอเมืองมหาสารคาม มีการเลี้ยงปลากระชัง กว่า 300 รายกว่า 3,000 กระชัง ส่งผลให้สภาพน้ำในลำน้ำชีเน่าเสีย และทำให้ปลาตายในช่วงฤดูแล้งทุกปี เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ในปี 2552 ประมงจังหวัดมหาสารคามจึงต้องเข้มงวดและหาทางป้องกันไว้ก่อน โดยขอให้เกษตรกรงดเลี้ยงปลากระชังในระยะนี้ หรือหากจะเลี้ยงก็ต้องลดจำนวนความหนาแน่น พร้อมให้ทยอยจับปลาที่โตขาย ตั้งแต่มีน้ำหนัก 300-400 กรัมต่อตัวนอกจากนี้กำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบตรวจวัดคุณภาพของน้ำทุกวัน เพื่อให้สามารถหาทางแก้ไขปัญหาก่อนที่จะเกิดน้าเน่าเสีย
ด้าน นายนิวัติ เปทานัง เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง บ้านวังยาว อำเภอเมืองมหาสารคาม กล่าวว่า เลี้ยงปลาจำนวน 10 กว่ากระชัง กระชังละ 1,000 ตัว ลงทุนเลี้ยงกระชังละ 30,000 บาท ส่วนใหญ่จะเป็นปลานิลและปลาทับทิม ระยะนี้ปลากระชังที่ปล่อยไว้ก่อน โตได้ขนาดที่ใกล้จะจับขาย แต่จากสภาพอากาศในตอนกลางวันที่ร้อนจัด พอช่วงกลางคืนสภาพอากาศค่อนข้างเย็น ทำให้ปลาปรับสภาพไม่ทันช็อกตายบางส่วน
จากประสบการณ์ปีที่ผ่านมาเกิดปัญหาภัยแล้งน้ำในลำน้ำชีเน่าเสีย ทำให้ปลาตายขาดทุนกว่า 200,00 บาท เกษตรกรบางรายต้องหยุดเลี้ยงชั่วคราวหันไปประกอบอาชีพอื่นเนื่องจากประสบปัญหาขาดทุน มีหนี้สินจากการกู้ยืมเงิน ธ.ก.ส.มาลงทุน จากปกติที่เคยเลี้ยงได้ 3-4 ครั้งต่อปี
ส่วนปลาที่ตายนำไปชำแหละตากแห้ง และทำปลาร้าจำหน่ายตามหมู่บ้านในราคาถูกและเก็บไว้บริโภค ในช่วงฤดูแล้งปีนี้จึงต้องมีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทัน