ทหารยุค “นายพลป๊อกแป๊ก” ปล่อยเสื้อแดงเหิม บุกเค้นคอถามถึงค่ายเม็งรายฯ

เชียงราย – ทหารยุค “นายพลป๊อกแป๊ก” ปล่อยเสื้อแดงบุกเค้นถามถึงในค่าย ก่อนบุกไล่ผู้การฯตำรวจคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาอีก

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (24 ก.พ.) หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนได้เดินทางไปยังชุมนุมที่กรุงเทพฯ แล้ว ปรากฏว่า แกนนำที่เหลือในเชียงราย นำโดย น.ส.จีรนันท์ จันทวงศ์ ได้ร่วมกับกลุ่มคนเจียงฮายรักประชาธิปไตย นำสมาชิกกลุ่มประมาณ 7-8 คน นำรถยนต์กระจายเสียงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม ในการออกปราศรัยตามที่ต่างๆ จำนวน 2 คัน เดินทางเข้าไปยังค่ายเม็งรายมหาราช อ.เมือง จ.เชียงราย อ้างว่า จะไปยื่นหนังสือผ่านไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ไม่ให้ทหารออกมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง

เมื่อรถไปถึงหน้าประตูค่ายทหารได้ตรวจสอบเอกสารประจำตัว พร้อมแลกบัตรก่อนจะปล่อยให้เข้าไปได้ แต่ขณะที่รถของกลุ่มคนเสื้อแดงไปถึงหน้าอาคารกองบังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย ปรากฏว่า กลุ่มเสื้อแดงได้นำป้ายกระดาษระบุข้อความโจมตีการเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองของฝ่ายทหาร จนเจ้าหน้าที่ทหารหลายนายต้องเข้ามาขอร้องและขอให้ไปพูดคุยกันที่ห้องรับรอง

ต่อมา พ.อ.พีรวัฒน์ เปรมศรี รองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย ได้ออกมารับเรื่องจาก น.ส.จีรนันท์ และพวกที่ห้องรับรองโดย น.ส.จีรนันท์ ได้อ่านหนังสือระบุเนื้อหา ว่า ทหารมีสองมาตรฐานระหว่างประชาชนสีแดงและสีเหลือง รวมทั้งยังปฏิวัติรัฐประหารบ่อยเฉลี่ย 3 ปี ต่อ 1 ครั้ง ตลอดระยะเวลาที่เปลี่ยนแปลงการปกครองมา กระทั่งยึดอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อันถือเป็นการใช้อำนาจเผด็จการ จากนั้นยังให้สิทธิ์คนเสื้อเหลืองมากกว่าเสื้อแดง วางตัวไม่เหมาะสมตามระบอบประชาธิปไตย จึงขอให้ทหารเป็นกลางและเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองรวมทั้งเลือกเป็นทาสรับใช้เผด็จการ ซึ่งทาง พ.อ.พีรวัฒน์ ได้รับหนังสือเอาไว้และรับปากจำนำเสนอไปยังหน่วยเหยือต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น น.ส.จีรนันท์ ได้พยายามเค้นถามปัญหากับ พ.อ.พีรวัฒน์ หลายข้อโดยแต่ละข้อต่างเป็นคำถามที่หนักหน่วง เช่น เหตุใดทหารจึงชอบออกมามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองทหารสัญญาได้ไหมว่าต่อไปจะไม่ออกมาปฏิวัติ

“ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจตัวจริงไม่ใช่ทหารนะ”
“ในการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ทำไมมีการใช้กำลังทหารออกมาเพ่นพ่านมากมายแตกต่างจากการชุมนุมของคนเสื้อเหลือง”
“ทำไมมีการใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท ออกมาปราบปรามคนเสื้อแดง”

พ.อ.พีรวัฒน์ พยายามชี้แจงว่า หลายเรื่องเป็นสิ่งที่เข้าใจผิดเพราะทหารไม่ได้ยุ่งเกี่ยวและหลายข้อตนตอบไม่ได้ แต่จะได้นำเสนอผู้บังคับบัญชาให้ได้รับทราบต่อไป

พ.อ.พีรวัฒน์ ได้ชี้แจงต่อกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ความจริงทหารเป็นกลางมาโดยตลอด แต่คงมีการเข้าใจผิดเพราะทหารเป็นสถาบันที่ค้ำจุนความมั่นคงของบ้านเมือง ดังนั้น ยืนยันว่าประชาชนจะมีความปลอดภัย และตนขอกล่าวต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ว่า ทหารไม่มีการนำงบประมาณไปปราบเสื้อแดง แต่เป็นโครงการตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

ทั้งนี้ บรรยากาศภายในค่ายเม็งรายมหาราช พบว่า ฝ่ายทหารพยายามใช้หลักการประณีประณอมอย่างมากโดยไม่มีการตอบโต้ใดๆ เพียงแต่ชี้แจงอย่างนุ่มนวล ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงพอใจและลากลับออกมา

จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงยังบุกไปที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธร (ภ.) จ.เชียงราย แต่ไม่ได้เข้าไปภายในแต่ปักหลักข้างถนนไตรรัตน์ หน้า ภ.เชียงราย เพื่อแสดงป้ายโจมตี พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย คนใหม่ ซึ่งพึ่งไปรับตำแหน่งต่อจาก พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ อดีต ผบก.ภ.เชียงราย ที่ถูกย้ายไปประจำ ตร. พร้อมทั้งปราศรัยโจมตีโดยมีเนื้อหาว่า พล.ต.ต.ทรงธรรม เป็นตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และการไปทำหน้าที่ที่ จ.เชียงราย ก็เพื่อเป็นไปตามบันไดห้าขั้นของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งปูทางให้กลุ่ม พธม.ไปชุมนุมที่ จ.เชียงราย ในเดือน พ.ค.นี้

ดังนั้น จึงต้องการเฉพาะ พล.ต.ต.อดุลย์ กลับไปดำรงตำแหน่งตามเดิม จากนั้นคนเสื้อแดงได้เผาพวงหรีดข้างถนน และกล่าวโจมตี พล.ต.ต.ทรงธรรม ด้วยถ้อยคำบางอย่างที่ไม่สุภาพ เช่น ระบุชื่อว่า “พล.ต.ต.ทรงธรรม อัมพาต” เป็นต้น ก่อนจะสลายตัวไป

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งนี้ ถือว่าอุกอาจมากกว่าทุกครั้ง เพราะเข้าไปกล่าวหาหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ 2 หน่วยใหญ่ คือ ฝ่ายทหารและตำรวจพร้อมกัน