ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – เชียงใหม่ระดมรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นทั่วตัวเมือง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศบรรเทาหมอกควัน ขณะที่ผู้ว่าฯ ยืนยันสถานการณ์คุณภาพอากาศยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สั่งการทุกหน่วยงานคุมเข้มลดการเผา พร้อมเตรียมเสนอรัฐบาลขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านงดเผาป่า
วันนี้ (19 ก.พ.) เวลา 09.00 น.ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานปล่อยแถวขบวนรถทำความสะอาดและรถบรรทุกน้ำ เพื่อฉีดพ่นทำความสะอาดและเพิ่มความชุ่มชื้นบรรเทาปัญหาหมอกควัน ซึ่งจะตระเวนฉีดพ่นน้ำไปรอบตัวเมืองเชียงใหม่ โดยเป็นการดำเนินการร่วมกันของจังหวัดเชียงใหม่ กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ และมณฑลทหารบกที่ 33 หลังจากตลอดช่วงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาสภาพตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันและมลพิษอากาศมีแนวโน้มสูงขึ้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศเมืองใหม่ ถึงล่าสุดช่วงเช้าวันนี้คุณภาพอากาศยังคงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม พบว่า มีจุด Hot Spot หรือ ค่าความร้อนมากผิดปกติจากการเผา ซึ่งมีมากในพื้นที่ทางตอนใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะอำเภอจอมทองและอำเภอฮอด
ทั้งนี้ ได้สั่งกำชับให้ทุกพื้นที่ดำเนินการอย่างเข้มข้นเพื่อลดการเผาให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกัน ได้ประสานการทำฝนเทียมด้วย ส่วนการฉีดพ่นน้ำก็เป็นอีกมาตรการหนึ่งในการบรรเทาปัญหาหมอกควัน ที่คงจะต้องมีการดำเนินการควบคู่กับการรณรงค์อย่างต่อเนื่องไปอีกประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งเชื่อว่าจะได้ผลดีในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ นายวิบูลย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทุกพื้นที่ทำการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรายงานผลทุกวัน โดยยืนยันว่า หากสถานการณ์ไม่ดีจะมีการเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบทันทีโดยที่จะไม่มีการปิดบังข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อที่จะได้ป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้
แต่ทั้งนี้ ย้ำว่า จนถึงเวลานี้คุณภาพอากาศเมืองเชียงใหม่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีปัญหาหรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ รวมทั้งผลกระทบด้านอื่นๆ แต่อย่างใด ซึ่งในส่วนของการท่องเที่ยวก็ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวตามปกติ
ส่วนปัญหาการเผาป่าในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของการเกิดปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วนนี้ต้องเป็นการดำเนินการในระดับรัฐบาล ซึ่งเวลานี้ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลนำเสนอต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรายงานให้รัฐบาลทราบ และดำเนินการให้การพูดคุยสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ไขปัญหาต่อไป