มหาสารคามแล้งจัดชาวบ้านต้องสูบน้ำเข้านาปรัง

มหาสารคาม- สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ส่อเค้ารุนแรง นอกจากจะทำให้ชาวบ้านขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในจังหวัดมหาสารคามอย่างหนัก

สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เริ่มขยายวงกว้าง และส่งผลกระทบต่อชาวบ้านและพื้นที่ทำการเกษตร และยิ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดมีพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้วจำนวน 132 ตำบล 1,864 หมู่บ้าน รวมแล้วกว่า 140,000 ครัวเรือน จำนวนราษฎร 616,000 คน ที่กำลังเดือดร้อนขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค

รวมถึงพื้นที่ทำการเกษตรหลายแห่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่การปลูกนาปรังของเกษตรกรที่อำเภอเชียงยืน แม้จะอยู่ในเขตโครงการชลประทาน แต่เกษตรกรก็ยังต้องสูบน้ำเข้าแปลง

นายทองสุข เหล่าแสงสี เกษตรกรบ้านหนองชาด หมู่ 6 ตำบลกู่ทอง อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ตนปลูกข้าวนาปรังจำนวน 7 ไร่ แต่กำลังประสบกับปัญหาภัยแล้ง ต้นข้าวเริ่มยืนต้นแห้งตาย และแคระแกรน เนื่องจากขาดน้ำ จึงต้องสูบน้ำจากคลองชลประทานเข้าแปลงเป็นระยะทางไกล ทำให้ต้องเพิ่มต้นทุนการปลูกข้าวนาปรัง

ทั้งจ่ายค่าน้ำมันไม่ต่ำกว่า ครั้งละ 1,000 บาท และต้องซื้อสายยางเป็นท่อส่งน้ำ คาดว่า กว่าจะได้เก็บเกี่ยวต้องสูบน้ำเข้าแปลงไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง เพื่อไม่ให้ต้นข้าวขาดน้ำและผลผลิตตกต่ำ จึงต้องยอมเพิ่มต้นทุน ซึ่งยังไม่รวมค่าปุ๋ยที่ใส่ในนาข้าว และค่าจ้างเครื่องเกี่ยวนวด ขณะที่ราคาข้าวนาปรังในพื้นที่ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมีการซื้อขายราคาเท่าใด แต่น่าจะอยู่ระหว่าง 5,000-6,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมเสี่ยงที่จะลงทุน และหวังความช่วยเหลือจากภาครัฐที่จะให้ความช่วยเหลือเรื่องราคา ทำให้มีการซื้อขายในราคาที่สูงขึ้นต่อไป