พม่าคุมเข้มชายแดนเมียวดีหลังถูกยิงถล่มเขตเศรษฐกิจ-“หม่องเอ” สั่งตรวจคนเข้าออก

ตาก - “พล.อ.หม่องเอ” สั่งปราบปรามกะเหรี่ยง KNU หนัก หลังหน่วยข่าวกรองSAW3สรุประเบิดถล่ม เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเมียวดี ฝีมือกบฏ KNU ด้านผู้นำกะเหรี่ยงปฎิเสธ ประกาศย้ำเป้าหมายสังหาร คือ ทหารพม่าและกองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนพม่า

รายงานข่าวจากชายแดนไทย-พม่า ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก แจ้งว่า พล.อ.หม่องเอ รองประธานสภา SPDC (สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก รักษาการผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้สั่งการให้ทหารหน่วยรบพิเศษในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ออกติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มกบฏ KNU และทำการตอบโต้ปราบปรามอย่างเด็ดขาดและรุนแรง ภายหลังถูกกองกำลังฝ่ายต่อต้านกลุ่มกบฏ KNU ใช้อาวุธปืนยิงถล่มย่านเศรษฐกิจที่ประกอบธุรกิจของนักธุรกิจชาวพม่าที่เขตเศรษฐกิจเมียวดี

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดของบุคคลต่างๆในการเข้า-ออก นอกเขตเศรษฐกิจเมียวดี-ตรวจสอบสินค้าข้ามแดนอย่างละเอียด เพราะหวั่นว่าจะมีการซุกซ่อนอาวุธปะปนเข้ามาก่อความไม่สงบของฝ่ายต่อต้าน รวมทั้งตั้งด่านสกัดตรวจสอบบัตรประชาชนชาวพม่าหากชาวพม่าคนใดไม่ถือบัตรประชาชนติดตัวจะต้องมีความผิด

คำสั่งของ พล.อ.หม่องเอ มีขึ้นหลังผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่หน่วย SAW 3 หรือหน่วยข่าวกรองของรัฐบาลพม่า หรือ SPDC ได้ทำการสืบสวน-สอบสวน เหตุคนร้ายคาดว่า เป็นกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลพม่า ได้ใช้อาวุธปืนแบบ RPG ยิงถล่มใส่ตลาดบุเรงนอง-วัด และย่านเศรษฐกิจที่ประกอบธุรกิจของนักธุรกิจชาวพม่าและยิงใส่โรงแรมชื่อดัง ซึ่งเป็นโรงแรมร่วมทุนระหว่างทหารพม่ากับกลุ่มอดีตสมุนขุนส่า ที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ลึกจากชายแดนประมาณ 7-8 กม.เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์

ทั้งนี้ มีพยานบุคคล-พยานหลักฐาน-พยานวัตถุ และพยานแวดล้อม เป็นที่ชัดเจนว่า กลุ่มก่อการร้ายที่ยิงระเบิดคือกลุ่มกะเหรี่ยงคริสต์ KNU ที่เรียกตัวเองว่า “สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ KNU” โดยมีเป้าหมายต้องการล้างแค้นให้กับนายปาร์โด้มาร์ชาลาพา อดีตเลขาธิการ KNU ผู้นำคนสำคัญของกะเหรี่ยง ที่ถูกลอบสังหารเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 ก.พ.2551

การยิงระเบิดในเขตเศรษฐกิจเมียวดีครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจและนักลงทุน ที่ต้องการเข้ามาประกอบธุรกิจ ในเขตเศรษฐกิจใหม่แห่งนี้

ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ KNU ได้ออกมาปฎิเสธการกระทำที่เกิดขึ้น โดยให้เหตุผลว่า KNU ไม่มีเป้าหมายทำร้ายประชาชน-พระสงฆ์ และเขตเศรษฐกิจ เพราะถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบกอบกู้ชนชาติกะเหรี่ยง เป้าหมายที่แท้จริงของ KNU คือทหารพม่า และกองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุน SPDC