ตาก – ชนกลุ่มน้อยยิงถล่มตลาดบุเรงนอง-โรงแรมเมียวดี ของลูก “ขุนส่า-ทหารพม่า”
รายงานข่าวจากชายแดนไทย-พม่า ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก แจ้งว่า กองกำลังกบฏชนกลุ่มน้อย ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพม่า ได้ใช้อาวุธปืนและระเบิดยิงถล่มโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นของทหรพม่า บริเวณตรงข้ามตลาดบุเรงนอง จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ลึกจากชายแดนแม่สอด ประมาณ 8-10 กม. ไม่น้อยกว่า 5-8 นัด เมื่อ 14 ก.พ.52 ที่ผ่านมา
โดยระเบิดได้ยิงใส่ในโรงแรมได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีระเบิดอีกหลายลูกตกตามจุดสำคัญๆ ในย่านชุมชนและแหล่งเศรษฐกิจ วัดและสำนักสงฆ์ระหว่างเกิดระเบิดประชาชนชาวพม่าตกใจวิ่งหนีระเบิดกันจ้าละหวั่น
หลังเหตุระเบิด ทหารพม่าได้ไปตรวจสอบและเคลียร์พื้นทื่ พบสะเก็ดระเบิดบริเวณโรงแรม และทรัพย์สินภายในโรงแรมได้รับความเสียหาย
สำหรับโรงแรมดังกล่าวมีนายทหารพม่าเป็นหุ้นส่วนหลายรายและเป็นเจ้าของกิจการ ร่วมกับลูกชายขุนส่า
เจ้าหน้าที่ทหารพม่า ได้ส่งกำลังทหาร และตำรวจเข้มงวดในจังหวัดเมียวดี และตรวจสอบคนเข้า-ออก อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอย โดยฝ่ายพม่าเชื่อว่ากลุ่มกบฏก่อการร้ายกลุ่มนี้คือกลุ่ม KNU (สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระเคเอ็นยู.)
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด ที่ประจำการ ริมเมย ชายแดนไทย-พม่า อำเภอแม่สอด จ.ตาก ได้รับแจ้งเหตุยิงกันตายบริเวณเกาะพิพาท ใต้สะพานมิตรภาพไทย-พม่า จึงไปตรวจสอบ แต่ไม่สามารถข้ามไปตรวจพื้นที่ได้เพราะเป็นเกาะกลางแม่น้ำเมย หรือโนแมนแลนด์ได้ เพราะเป็นพื้นที่ใช้รวมระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีผู้นำคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บไปส่งที่ โรงพยาบาลแม่สอด แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ถูกยิงเสีชีวิตเป็นชาวพม่า ชื่อนายอะด้า อายุประมาณ 30 ปี โดยถูกกลุ่มชาวพม่าของนายหม่องวิด ซึ่งเป็นมาเฟียบนเกาะและเป็นหัวหน้าแก็งค์ค้ายาบ้า ข้ามชาติ ได้มีเรื่องกับกลุ่มของนายอะด้า ผู้เสียชีวิต และได้ยิงกันบนเกาะ ด้วยอาวุธปืนสั้นประจำกาย จนทำให้นายอะด้า ซึ่งเป็นแก็ง์คู่อริถูกยิงเสียชีวิตบนเกาะโนแมนแลนด์กลางแมน้ำเมยดังกล่าว
“พื้นที่เกาะใต้สะพานมิตรภาพไทย-พม่า แม่น้ำเมย เป็นพื้นที่ค้ายาเสพติดของขบวนการในฝั่งพม่า และจะมีการทะเลาะกันเป็นประจำ ทั้งเรื่องยาเสพติด ยาบ้า และการค้าสินค้าหนีภาษี รวมทั้งโจรกรรมรถจักรยายนต์ รถยนต์ข้ามประเทศ มาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ไทยและพม่าเคยร่วมกับกวาดล้างหลายครั้งแต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็กลับเข้ามาอีกและเพิ่มความรุนแรงในการทำผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น มีการตั้งกลุ่มแก๊ง มาเฟียแข่งขันกันเองโดยมีผลประโยชน์จากการค้ายาสพติดและสิ่งกฎหมายทุกชนิด เป็นเดิมพันและมีผลประโยชน์สูง” เจ้าหน้าที่ฝายความมั่นคงฝ่ายไทย กล่าว
รายงานข่าวจากชายแดนไทย-พม่า ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก แจ้งว่า กองกำลังกบฏชนกลุ่มน้อย ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพม่า ได้ใช้อาวุธปืนและระเบิดยิงถล่มโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นของทหรพม่า บริเวณตรงข้ามตลาดบุเรงนอง จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ลึกจากชายแดนแม่สอด ประมาณ 8-10 กม. ไม่น้อยกว่า 5-8 นัด เมื่อ 14 ก.พ.52 ที่ผ่านมา
โดยระเบิดได้ยิงใส่ในโรงแรมได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีระเบิดอีกหลายลูกตกตามจุดสำคัญๆ ในย่านชุมชนและแหล่งเศรษฐกิจ วัดและสำนักสงฆ์ระหว่างเกิดระเบิดประชาชนชาวพม่าตกใจวิ่งหนีระเบิดกันจ้าละหวั่น
หลังเหตุระเบิด ทหารพม่าได้ไปตรวจสอบและเคลียร์พื้นทื่ พบสะเก็ดระเบิดบริเวณโรงแรม และทรัพย์สินภายในโรงแรมได้รับความเสียหาย
สำหรับโรงแรมดังกล่าวมีนายทหารพม่าเป็นหุ้นส่วนหลายรายและเป็นเจ้าของกิจการ ร่วมกับลูกชายขุนส่า
เจ้าหน้าที่ทหารพม่า ได้ส่งกำลังทหาร และตำรวจเข้มงวดในจังหวัดเมียวดี และตรวจสอบคนเข้า-ออก อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอย โดยฝ่ายพม่าเชื่อว่ากลุ่มกบฏก่อการร้ายกลุ่มนี้คือกลุ่ม KNU (สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระเคเอ็นยู.)
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด ที่ประจำการ ริมเมย ชายแดนไทย-พม่า อำเภอแม่สอด จ.ตาก ได้รับแจ้งเหตุยิงกันตายบริเวณเกาะพิพาท ใต้สะพานมิตรภาพไทย-พม่า จึงไปตรวจสอบ แต่ไม่สามารถข้ามไปตรวจพื้นที่ได้เพราะเป็นเกาะกลางแม่น้ำเมย หรือโนแมนแลนด์ได้ เพราะเป็นพื้นที่ใช้รวมระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีผู้นำคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บไปส่งที่ โรงพยาบาลแม่สอด แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ถูกยิงเสีชีวิตเป็นชาวพม่า ชื่อนายอะด้า อายุประมาณ 30 ปี โดยถูกกลุ่มชาวพม่าของนายหม่องวิด ซึ่งเป็นมาเฟียบนเกาะและเป็นหัวหน้าแก็งค์ค้ายาบ้า ข้ามชาติ ได้มีเรื่องกับกลุ่มของนายอะด้า ผู้เสียชีวิต และได้ยิงกันบนเกาะ ด้วยอาวุธปืนสั้นประจำกาย จนทำให้นายอะด้า ซึ่งเป็นแก็ง์คู่อริถูกยิงเสียชีวิตบนเกาะโนแมนแลนด์กลางแมน้ำเมยดังกล่าว
“พื้นที่เกาะใต้สะพานมิตรภาพไทย-พม่า แม่น้ำเมย เป็นพื้นที่ค้ายาเสพติดของขบวนการในฝั่งพม่า และจะมีการทะเลาะกันเป็นประจำ ทั้งเรื่องยาเสพติด ยาบ้า และการค้าสินค้าหนีภาษี รวมทั้งโจรกรรมรถจักรยายนต์ รถยนต์ข้ามประเทศ มาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ไทยและพม่าเคยร่วมกับกวาดล้างหลายครั้งแต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็กลับเข้ามาอีกและเพิ่มความรุนแรงในการทำผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น มีการตั้งกลุ่มแก๊ง มาเฟียแข่งขันกันเองโดยมีผลประโยชน์จากการค้ายาสพติดและสิ่งกฎหมายทุกชนิด เป็นเดิมพันและมีผลประโยชน์สูง” เจ้าหน้าที่ฝายความมั่นคงฝ่ายไทย กล่าว
