มหาสารคาม - สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บเก็บน้ำ 2 แห่งในจังหวัดมหาสารคามเข้าขั้นวิกฤต เหลือปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย ชลประทานพร้อมให้ความช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง
นายวรรัตน์ ประวาลปัทมกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานมหาสารคาม กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ภัยแล้งพบว่าปีนี้น่าห่วง เนื่องจากความแปรปรวนของสภาพอากาศที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็น โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวมีอากาศที่หนาวเย็นและยาวนานต่อเนื่องที่สุดในรอบหลาย 10 ปี
อีกทั้งพบว่าสถานการณ์ภัยแล้งก็ยังมาเยือนเร็วกว่าทุกปี ในภาพรวมแม้อ่างเก็บน้ำทั้ง 17 แห่งกระจายตามอำเภอต่างๆ จะมีปริมาณน้ำเก็บกักรวม 65.78 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 84 ของปริมาณความจุอ่าง 78 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่มีอ่างเก็บน้ำถึง 2 แห่งที่อยู่ในขั้นวิกฤติ คืออ่างเก็บน้ำหนองคูขาด ในพื้นที่อำเภอบรบือ มีปริมาณเก็บกักเพียง 145,000 ลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 39 ขอความจุอ่าง และอ่างเก็บน้ำหนองไฮ อำเภอวาปีปทุม มีปริมาณเก็บกักเพียง 1 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 46 ของความจุอ่าง
นอกจากนี้ ยังพบว่าจากกระแสลมพัดแรงและสภาพอากาศที่ร้อนส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 17 แห่ง รวมถึงแหล่งน้ำตามธรรมชาติลดระดับลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่สถานการณ์น้ำในลำน้ำชีตลอด 80 กิโลเมตรที่ไหลผ่านอำเภอโกสุมพิสัย กันทรวิชัย เชียงยืน และอำเภอเมือง แม้จะมีต้นทุนน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ปล่อยน้ำลงลำน้ำชีอย่างต่อเนื่อง
แต่ก็ไม่ควรประมาท เนื่องจากมีการนำน้ำไปใช้ประโยชน์เพื่ออุปโภค บริโภค และเพื่อการเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี อีกทั้งโอกาสที่จะเกิดน้ำเน่าเสียจากการเลี้ยงปลากระชังเป็นไปได้มาก จึงขอให้ราษฎรร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด ควรปลูกพืชใช้น้ำน้อยแต่ให้ผลตอบแทนสูง
อย่างไรก็ตาม โครงการชลประทานมหาสารคาม ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง โดยได้จัดเตรียมรถบรรทุกน้ำเกือบ 10 คัน ไว้บรรทุกน้ำไปช่วยเหลือราษฎร