พิจิตร – ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวเซลล์แมนประกันชีวิตฆ่าโหดเอาเงินประกัน ขณะที่ตำรวจเดินหน้าคุ้ย 4 คดีลูกค้าตัวแทนประกันโหด
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ส ภ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร จับกุม นายนันทวุฒิ คล้ายเนียม อายุ 42 ปี ตัวแทนขายประกันชีวิตของบริษัทชื่อดัง สาขาอำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ผู้ต้องหาในคดีฆ่านายชาญยุทธ บุตรเกตุ ลูกค้าที่ทำประกันชีวิตไว้กับผู้ต้องหา 4 กรมธรรม์ วงเงินประกันกว่า 2 ล้านบาท ที่ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำเสียชีวิต
แต่ผลการชันสูตรพบว่าเหตุของการเสียชีวิตไม่ใช่อุบัติเหตุ และมีผู้พบเห็นว่านายนันทวุฒิ ตัวแทนประกันชีวิตเป็นผู้อยู่กับผู้ตายคนสุดท้ายก่อนที่จะเสียชีวิต จนตำรวจสืบทราบว่าผู้ลงมือฆ่าคือนายนันทวุฒิ เซลส์แมนขายประกันชีวิต เพื่อสวมรอยเอาสินไหมจากการประกันชีวิต
โดย พ.ต.อ.สมนึก มากมี ผกก.สภโพธ์ประทับช้าง จ.พิจิตร พร้อมด้วย พ.ต.ท.เฉลิม ใจสุกใส รอง ผกก.สืบสวน สภ.โพธิ์ประทับช้าง ได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. เมือง พิจิตร ทั้งในและนอกเครื่องแบบ เพื่อรักษาความปลอดภัย นำตัวนายนันทวุฒิ คล้ายเนียม อายุ 42 ปี ตัวแทนขายประกันชีวิตของบริษัท ไทยสมุทร สาขาอำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตรผุ้ต้องหาคดีฆ่านายชาญยุทธ ลูกค้าที่ทำประกันชีวิตไว้กับผู้ต้องหาจำนวน 4 กรมธรรม์ มาฝากขังที่ศาลพิจิตรเมื่อ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ท่ามกลางญาติของผู้ต้องมาซึ่งเดินทางมายังศาลพิจิตรเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้นญาติของนายนันทวุฒิ ผู้ต้องหาที่ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ได้ยื่นขอประกันตัวในขั้นศาล โดยใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปข่มขู่พยาน เกรงจะเสียรูปคดี ซึ่งผลจากการขออำนาจศาลเพื่อฝากขัง ปรากฏว่าศาลไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหาประกันตัว จึงได้นำตัวไปฝากขังยังเรือนจำจังหวัดพิจิตร และจะได้เบิกตัวมาสอบปากคำเพื่อขยายผลต่อไป
จากการสืบสวนขณะนี้ พบผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ผู้ทำประกันแล้วเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ที่มีหลักฐานชัดเจน รวม 4 ราย
รายแรกที่เสียชีวิต คือ นายชาญยุทธ บุตรเกตุ เสียชีวิตเมื่อปี 2548 ด้วยการทำให้เกิดอุบัติเหตุมีกรมธรรม์ที่ทำประกันชีวิตไว้ 4 กรมธรรม์ สินไหม กว่า 2 ล้านบาท
รายที่สอง คือ นายบุญชู พิณเขียว เสียชีวิตเมื่อปี 2548 จากการซ้อนท้ายจักรยานยนต์ ของนายนันทวุฒิ เซลส์แมนขายประกันโหดแล้วทำให้รถจักรนยานยนต์ล้ม เสียชีวิต มีศักดิ์เป็นลุงเขย ทำกรมธรรม์ไว้ 4 กรมธรรม์ โดยมี นายนันทวุฒิ เป็นคนส่งเบี้ยประกันให้ วงเงินรับสินไหม 660,000 บาท
รายที่สาม คือ นายเจือ ฟักแสง เสียชีวิตเมื่อปี 2549 ขี่รถจักรยานยนต์ตกน้ำตายไม่ทราบสาเหตุทำประกันชีวิตไว้กับ นายนันทวุฒิ แต่ทางบ.ประกันชีวิต ไม่ยอมจ่ายสินไหมทดแทน เนื่องจากหลักฐานการทำประกันถูกปลอมแปลงขึ้น แต่นายนันทวุฒิ ก็ทำทีไปวิ่งเต้นจนได้สินไหม 600,000 บาท แล้วไปแบ่งกับทายาทของผู้ตาย คนละ 300,000 บาท โดยทายาทไม่รู้มาก่อนว่ามีการฆาตกรรมอำพรางคดีเพื่อหวังสินไหม
รายที่สี่ คือ นายสว่าง คล้ายเนียม เสียชีวิตเมื่อปี 2551 จมน้ำตายขณะไปทอดแหหาปลา มีประวัติ ทำประกันชีวิตโดยมี นายนันทวุฒิ เป็นตัวแทนขายประกันชีวิต แอบอ้างมี คนชื่อ นางฉาย เป็นผู้ส่งเบี้ยประกันให้กับผู้ตายและไปสวมรอยรับสินไหมการประกันชีวิต จำนวน 113,000 บาท ซึ่งคดีนี้ มีนางลำจวน คล้ายเนียม ซึ่งเป็นแม่ของผู้ตายมาเป็นพยานชี้เบาะแส อีกด้วย ซึ่ง พล.ต.ต.ชวลิต ชาญเวชช์ ผบก.ตร.ภ.จว.พิจิตร ได้ตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อหาหลักฐาน และไล่เรียงสืบพยานเพื่อจะมัดผู้ต้องหาเซลส์แมนขายประกันชีวินฆ่าโหดรายนี้ต่อไป