ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – พฤติกรรมเสื้อแดงในคราบตำรวจเชียงใหม่ แอบส่งช่างไปซ่อมท่อน้ำที่กลุ่มอันธพาลยกไปทำลายพุทธสถานสันติอโศก เขียนบันทึกประจำวันใหม่บอกไม่มีสิ่งของเสียหาย แถมขอให้เจ้าของสถานที่ลงนาม ผู้ประสานงานรับทนไม่ได้แล้วกับวิธีหน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าส่งเจ้าหน้าที่ดูแลแข็งขัน แต่แอบหลิ่วตาปล่อยเสื้อแดงใช้ตีนตบใส่ศีรษะสมณะผู้ปฏิบัติธรรม แถมเช้ารุ่งขึ้นมีผู้อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าไปตรวจสอบตามหลังทันที
นางฟ้างาย คำอโศก ผู้ประสานงานพุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ-สันติอโศก บ้านแม่เลา ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.แม่แตง เดินทางเข้าไปประสานงานกรณีเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นำโดย นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล นำพวกเข้าบุกรุกสถานที่โดยอ้างว่าเพื่อขับไล่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และเดินทางกลับกันในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำบันทึกประจำวันไปให้ตัวแทนของพุทธสถานลงนามรับทราบ แต่ปรากฏว่าข้อความที่ได้บันทึกไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทางตัวแทนของพุทธสถานสันติอโศกจึงไม่ยอมลงนาม
“ในวันแรกเจ้าหน้าที่ได้เขียนข้อความว่ามีอะไรบ้างที่เสียหาย เช่น บอกว่ามีท่อน้ำที่ถูกทำลายรวม 14 จุด มีการเผากระท่อมของผู้ปฏิบัติธรรม และเหตุอื่น ๆ แต่ยังไม่ให้เราลงนามบอกว่าขอส่งให้เจ้านายดูก่อน มาวันนี้ตำรวจก็ส่งช่างมาช่วยซ่อมท่อน้ำที่แตกทั้งหมดแล้วก็เขียนบันทึกประจำวันใหม่ บอกให้เราลงนามรับว่าไม่มีอะไรเสียหายซึ่งไม่เป็นความจริง ทางเราจึงไม่เซ็นให้”
นางฟ้างาย ยังกล่าวด้วยว่า ในวันเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ภายในพุทธสถานแต่อยู่ที่บ้านพักในเขตอำเภอแม่แตง ทางเจ้าหน้าที่ก็ส่งตำรวจมาประสานงานและดูแลด้วยท่าทีสุภาพขาบอกกับเราว่าเหตุการณ์เรียบร้อยดี ก็ขอบคุณไปอย่างจริงใจ แต่เพิ่งมาทราบภายหลังว่ามีการยิงหนังสติ๊กเข้าโรงครัว ที่ร้ายกว่านั้นกลุ่มเสื้อแดงยังใช้ตีนตบมาตบใส่ศีรษะของสมณะที่ปฏิบัติธรรมเป็นการจาบจ้วงดูหมิ่นทำร้ายกันแบบอันธพาล และเพิ่งมาทราบว่าการเข้าไปในพื้นที่วันดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตทางนายอำเภอ และตำรวจนำกลุ่มเสื้อแดงเข้าไปโดยพลการ
ต่อจากนั้นยังมีกรณีที่มีผู้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เดินทางเข้าไปขอตรวจสอบเอกสารที่ดินของพุทธสถานแห่งดังกล่าวในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากกลุ่มเสื้อแดงบุก โดยแจ้งกับผู้ดูแลว่าทางอธิบดีกรมป่าไม้สั่งการให้มาตรวจสอบ ซึ่งทางพุทธสถานได้แสดงเอกสารครอบครองทั้งหมดที่ครอบครองโดยถูกต้องมาประมาณ 20 ปีให้ดู ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้หลายปีทางสำนักงานป่าไม้เชียงใหม่เคยมาตรวจสอบหลายครั้งแล้ว สอดคล้องกับหลังจากกลุ่มเสื้อแดงเดินทางกลับได้ประโคมข่าวทางวิทยุว่าพุทธสถานภูผาน้ำฟ้าบุกรุกป่าเป็นพวกละเมิดกฎหมาย
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล แสดงความเห็นกรณีดังกล่าวว่า การเข้าตรวจค้นสถานที่ใดๆ นั้น เจ้าหน้าที่เท่านั้นที่มีอำนาจในการดำเนินการ ทั้งนี้ เพื่อจับกุมผู้ต้องสงสัย เพื่อหาพยานหลักฐาน และช่วยเหลือคน โดยที่จะต้องมีการขอหมายจากศาลด้วย หากไม่มีหมายศาลจะต้องเป็นในกรณีที่มีการร้องขอความช่วยเหลือหรือมีการทำความผิดซึ่งหน้า
สำหรับในกรณีที่เกิดขึ้นกับพุทธสถานภูผาฟ้าน้ำนั้น การที่กลุ่มเสื้อแดงถือวิสาสะเข้าไปตรวจค้น จึงถือว่าเข้าข่ายบุกรุก เพราะไม่อำนาจในการดำเนินการ นอกจากนี้หากพบว่ามีการทำลายทรัพย์สินก็ยังเข้าข่ายเป็นการทำให้เสียทรัพย์อีกด้วย ซึ่งมีความผิดเช่นกัน
นางฟ้างาย คำอโศก ผู้ประสานงานพุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ-สันติอโศก บ้านแม่เลา ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.แม่แตง เดินทางเข้าไปประสานงานกรณีเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นำโดย นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล นำพวกเข้าบุกรุกสถานที่โดยอ้างว่าเพื่อขับไล่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และเดินทางกลับกันในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำบันทึกประจำวันไปให้ตัวแทนของพุทธสถานลงนามรับทราบ แต่ปรากฏว่าข้อความที่ได้บันทึกไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทางตัวแทนของพุทธสถานสันติอโศกจึงไม่ยอมลงนาม
“ในวันแรกเจ้าหน้าที่ได้เขียนข้อความว่ามีอะไรบ้างที่เสียหาย เช่น บอกว่ามีท่อน้ำที่ถูกทำลายรวม 14 จุด มีการเผากระท่อมของผู้ปฏิบัติธรรม และเหตุอื่น ๆ แต่ยังไม่ให้เราลงนามบอกว่าขอส่งให้เจ้านายดูก่อน มาวันนี้ตำรวจก็ส่งช่างมาช่วยซ่อมท่อน้ำที่แตกทั้งหมดแล้วก็เขียนบันทึกประจำวันใหม่ บอกให้เราลงนามรับว่าไม่มีอะไรเสียหายซึ่งไม่เป็นความจริง ทางเราจึงไม่เซ็นให้”
นางฟ้างาย ยังกล่าวด้วยว่า ในวันเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ภายในพุทธสถานแต่อยู่ที่บ้านพักในเขตอำเภอแม่แตง ทางเจ้าหน้าที่ก็ส่งตำรวจมาประสานงานและดูแลด้วยท่าทีสุภาพขาบอกกับเราว่าเหตุการณ์เรียบร้อยดี ก็ขอบคุณไปอย่างจริงใจ แต่เพิ่งมาทราบภายหลังว่ามีการยิงหนังสติ๊กเข้าโรงครัว ที่ร้ายกว่านั้นกลุ่มเสื้อแดงยังใช้ตีนตบมาตบใส่ศีรษะของสมณะที่ปฏิบัติธรรมเป็นการจาบจ้วงดูหมิ่นทำร้ายกันแบบอันธพาล และเพิ่งมาทราบว่าการเข้าไปในพื้นที่วันดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตทางนายอำเภอ และตำรวจนำกลุ่มเสื้อแดงเข้าไปโดยพลการ
ต่อจากนั้นยังมีกรณีที่มีผู้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เดินทางเข้าไปขอตรวจสอบเอกสารที่ดินของพุทธสถานแห่งดังกล่าวในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากกลุ่มเสื้อแดงบุก โดยแจ้งกับผู้ดูแลว่าทางอธิบดีกรมป่าไม้สั่งการให้มาตรวจสอบ ซึ่งทางพุทธสถานได้แสดงเอกสารครอบครองทั้งหมดที่ครอบครองโดยถูกต้องมาประมาณ 20 ปีให้ดู ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้หลายปีทางสำนักงานป่าไม้เชียงใหม่เคยมาตรวจสอบหลายครั้งแล้ว สอดคล้องกับหลังจากกลุ่มเสื้อแดงเดินทางกลับได้ประโคมข่าวทางวิทยุว่าพุทธสถานภูผาน้ำฟ้าบุกรุกป่าเป็นพวกละเมิดกฎหมาย
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล แสดงความเห็นกรณีดังกล่าวว่า การเข้าตรวจค้นสถานที่ใดๆ นั้น เจ้าหน้าที่เท่านั้นที่มีอำนาจในการดำเนินการ ทั้งนี้ เพื่อจับกุมผู้ต้องสงสัย เพื่อหาพยานหลักฐาน และช่วยเหลือคน โดยที่จะต้องมีการขอหมายจากศาลด้วย หากไม่มีหมายศาลจะต้องเป็นในกรณีที่มีการร้องขอความช่วยเหลือหรือมีการทำความผิดซึ่งหน้า
สำหรับในกรณีที่เกิดขึ้นกับพุทธสถานภูผาฟ้าน้ำนั้น การที่กลุ่มเสื้อแดงถือวิสาสะเข้าไปตรวจค้น จึงถือว่าเข้าข่ายบุกรุก เพราะไม่อำนาจในการดำเนินการ นอกจากนี้หากพบว่ามีการทำลายทรัพย์สินก็ยังเข้าข่ายเป็นการทำให้เสียทรัพย์อีกด้วย ซึ่งมีความผิดเช่นกัน
