ลำปาง - มอดไม้ลำปางเหิมเกริมหนักลักลอบตัดไม้สักทองในเขตสัมปทานบริษัท ปูนซิเมนต์ ลำปาง อีกกว่า 50 ต้น ทั้งที่อยู่ห่างจากถนนใหญ่เพียง 500 เมตร แต่ไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์
วันนี้ (15 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษทำทันที จังหวัดลำปาง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ป้องกันรักษาป่าที่ ลป.39 (ห้วยหลวง) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แจ้ห่ม นำกำลังเข้าตรวจสอบ บริเวณพื้นที่สัมปทานบัตร บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ลำปาง จำกัด บ้านสา หมู่ 5 ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ซึ่งอยู่ห่างจากถนนสายลำปางแจ้ห่ม ประมาณ 500 เมตร หลังได้รับแจ้งว่ามีผู้เข้าไปลักลอบตัดไม้สักทอง เมื่อเข้าไปในพื้นที่พบว่า บริเวณผืนป่าโดยรอบถูกถางเป็นทางเพื่อให้รถยนต์วิ่งเข้าออกได้ และพบต้นสักทองขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 50-70 ซม.ถูกตัดโค่นไปมากกว่า 50 ต้น และตัดเป็นท่อนขนาดยาวประมาณ 2-3 เมตร กระจัดกระจายอยู่โดยรอบซึ่งไม้บางส่วนถูกลักลอบขนออกไปบ้างแล้ว
จากการตรวจสอบโดยรอบพบว่า มีลวดหนามที่ทางบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ลำปาง จำกัด ได้กั้นเป็นแนวเขตห้ามเข้านั้นได้ถูกตัดถึงสองแห่ง เพื่อใช้ในการลำเลียงไม้ออกนอกพื้นที่ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการลักลอบเข้ามาตัดไม้ช่วงต้นปีที่ผ่านมาโดยที่ไม่มีใครทราบ ซึ่งร่องลอยการตัดยังมีสภาพใหม่
จากการนำกำลังเข้าตรวจสอบครั้งนี้ เนื่องจากคนงานที่เข้าไปทำแนวกันไฟได้ไปพบว่า มีต้นสักถูกลักลอบตัด จึงได้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัยภายในบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ทราบและได้รายงานไปยังนายสมารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และจัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เบื้องต้นทางนายสุรศักดิ์ คูณทวี หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่าไม้ที่ ลป.39 (ห้วยหลวง) ได้นำกำลังเดินเท้าตรวจสอบพบว่ามีต้นสักถูกตัดและลักลอบขนออกนอกพื้นที่ไปแล้วบางส่วน แต่ในส่วนที่เหลือได้อายัดไว้หมดแล้วเพื่อสืบหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป
ส่วนบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ลำปาง ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แจ้ห่ม ในข้อหาบุกรุกและลักทรัพย์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สำหรับการลักลอบตัดต้นสักจำนวนมากครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองตั้งแต่ต้นปี ที่กลุ่มมอดไม้ลงมือในพื้นที่ ที่ว่าปลอดภัยจากการถูกลักลอบตัด โดยครั้งแรกได้ตัดต้นสักทองที่เป็นผืนป่าต้นสักอนุรักษ์ของจังหวัดลำปางซึ่งอยู่ในการดูแลของค่ายฝึกรบพิเศษประตูผา และครั้งนี้ก็มาลักลอบตัดในพื้นที่ป่าสัมปทานของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ลำปาง ซึ่งห่างจากถนนสายลำปางแจ้ห่มประมาณ 500 เมตร ซึ่งพฤติกรรมคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้หามาตรการและการดำเนินการกับกลุ่มนี้ขั้นเด็ดขาดต่อไป