กาฬสินธุ์ - ชาวบ้านในเขตชนบทที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ออกหาจับค้างคาวมาบริโภค เพราะเชื่อว่าไขมันที่สะสมอยู่ในตัวค้างคาว จะช่วยบำรุงร่างกายให้อบอุ่น หายหนาว และเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศด้วย
สภาพอากาศที่หนาวเย็นในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ อุณหภูมิบนเทือกเขาต่ำสุดเพียง 8-10 องศาเซลเซียส ขณะที่พื้นที่ราบมีอุณหภูมิอยู่ที่ 12-14 องศาเซลเซียส นับว่า สภาพอากาศหนาวในปีนี้มีความหนาวเย็นมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา และตามวิถีชีวิตประชาชนที่อยู่ในแถบชนบทจำเป็นต้องพึ่งอาหารเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย
โดยที่ จ.กาฬสินธุ์ มีความนิยมนำเอาค้างคาวมาประกอบอาหาร ที่นอกเหนือมีความเชื่อด้านเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศเลือดสดๆ และตัวค้างคาวที่ผ่านการประกอบอาหาร ทั้งผัดเผ็ด ลาบ ปิ้ง ย่าง ยังสามารถทำให้ร่างกายมีความอบอุ่นได้ ทำให้ขณะนี้ค้างคาวที่อยู่ตามหัวไร่ปลายนากลับกลายเป็นสินค้า เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อและเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้
นายเรียง ภูคานา อายุ 47 ปี ราษฎรบ้านตูม หมู่ 4 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เข้าสู่ฤดูหนาว ตนกับเพื่อนบ้านจะนำอุปกรณ์ที่เป็นถุงตาข่าย ออกหาจับค้างคาวที่อาศัยอยู่ตามต้นมะพร้าว และต้นตาล มาประกอบอาหาร โดยจะทำเป็นอาหารปรุงสุก สะอาด เพื่อป้องกันโรคพยาธิและโรคไข้ฉี่หนู
นายเรียง กล่าวอีกว่า ปกติค้างคาวจะออกหากินอาหาร ที่เป็นผลไม้สุกในเวลากลางคืน ฉะนั้น เนื้อ ไขมัน เลือด เครื่องใน หรืออวัยวะทุกส่วนของค้างคาว จึงมีประโยชน์ทางโภชนาการ หรือเรียกว่า เป็นยาสมุนไพรทั้งตัวก็ว่าได้ ในการบริโภคค้างคาว บางคนจึงนิยมบริโภคทั้งตัว เพราะจะได้ทั้งอาหารและยาสมุนไพร ในขณะเดียวกัน และทำให้เกิดความเชื่อในหมู่ผู้นิยมบริโภคค้างคาวว่า นอกจากค้างคาวจะทำอาหารรสเด็ดได้หลายอย่าง เช่น ปิ้ง ย่าง อ่อม ผัดเผ็ด และทอดกรอบ ก็ยังมีสรรพคุณด้านบำรุงร่างกาย
โดยเฉพาะไขมันที่สะสมในตัวของค้าวคาว จะทำให้ร่างกายเกิดความอบอุ่น แก้หนาว แถมบางคนยังเชื่อด้วยว่าถ้าบริโภคเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า และช่วยสร้างเสริมสมรรถภาพทางเพศได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่าตามตลาดในหมู่บ้านต่างๆ เริ่มมีการนำเอาค้างคาวที่ที่แบบตัวเป็นๆ และที่ผ่านการชำแหละแล้วมาวางขายจำนวนมาก โดยช่วงที่อากาศหนาวเย็นจัดๆ ราคาของค้างคาวสูงถึงตัวละ 2 บาทแล้ว