ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – นักอนุรักษ์ แฉ “เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี” ทำสัตว์ป่าตายเกลื่อน เฉพาะปีงบประมาณ 51 ดับไปแล้ว 300 ตัว คิดเป็นมูลค่ากว่า 26 ล้านบาท เรียกร้องมีการตั้งองค์กรกลางตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบไร้มาตรฐานควรปิดดำเนินการ เผยเตรียมนัดวางพวงหรีดไว้อาลัยสัตว์ป่าที่ต้องสังเวยชีวิตหน้าทางเข้าไนท์ซาฟารีพรุ่งนี้ (26 ธ.ค.) เนื่องในวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ
วันนี้ (25 ธ.ค.) เครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่าไทย ชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา และภาคีคนฮักเชียงใหม่ จัดการสัมมนาเนื่องวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ 26 ธันวาคม ประจำปี 2551 โดยมีการจัดอภิปรายในหัวข้อเรื่อง “อนาคตสัตว์ป่าไทย จะอยู่ในป่าหรือกรงขัง ปัญหา ผลกระทบและทางออก” ที่ห้องประชุมบ้านธารแก้ว มหาวิทยาลัยพายัพ ถนนห้วยแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
นายแพทย์ รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ ประธานชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา เปิดเผยในระหว่างการอภิปราย ว่า ได้รับทราบข้อมูลจากอดีตเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์กลางคืนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ว่า เฉพาะในปีงบประมาณ 2551 มีสัตว์ป่าในความดูแลของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเกิดใหม่ 293 ตัว ส่วนใหญ่เป็นสัตว์เล็ก เช่น นก เป็นต้น ในขณะที่มีสัตว์ป่าล้มตายไปกว่า 300 ตัว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 26.5 ล้านบาท ซึ่งสัตว์ป่าที่ล้มตายส่วนใหญ่เป็นพวกกวาง โดยสัตว์ป่าที่ตายและคิดเป็นมูลค่าความสูญเสียมากที่สุด ได้แก่ ม้าลาย 7 ตัว คิดเป็นมูลค่า 2.7 ล้านบาท เสือชีต้าห์ 3 ตัว มูลค่า 2.2 ล้านบาท ม้าลายเบอร์รี่ 5 ตัว มูลค่า 1.6 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ได้รับทราบดังกล่าว ทำให้มีความเคลือบแคลงสงสัยเกี่ยวมาตรฐานในการบริหารจัดการและดูแลสัตว์ป่าของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเป็นอย่างยิ่งขึ้น จึงอยากเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการตายของสัตว์ป่าและมาตรฐานการดูแลสัตว์ป่าของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยองค์กรกลางที่น่าเชื่อถือ เช่น คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นต้น อย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามให้ทราบข้อเท็จจริงและมาตรฐาน หากพบว่าไม่ดีเพียงพอก็อยากจะเสนอให้ปิดสวนสัตว์กลางคืนแห่งนี้ แล้วย้ายสัตว์ป่าไปอยู่ในที่ที่เหมาะสมกว่า
ขณะเดียวกัน ประธานชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา ยังได้เรียกร้องให้ภาครัฐมีการพิจารณาทบทวนและยกเลิกการที่จะมีการเปิดสวนสัตว์ใหม่ของรัฐอีก 6 แห่ง ในจังหวัดราชบุรี ชุมพร สุโขทัย อุบลราชธานี นครสวรรค์ และสุรินทร์ เนื่องจากเห็นว่าการเปิดสวนสัตว์ใหม่นั้น เป็นการตอบสนองความต้องการของนักการเมืองมากกว่า และการเปิดสวนสัตว์ดังกล่าวยังจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์สัตว์ป่าในเชิงการค้ามากขึ้น รวมทั้งมีการลักลอบนำสัตว์ป่าออกจากป่าและนำไปสู่ธุรกิจมืดด้วย
ด้าน นายชัยพันธุ์ ประภาสะวัติ ผู้อำนวยการสถาบันสิทธิชุมชน กล่าวว่า องค์กรภาคประชาชนในพื้นที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะไม่เชื่อว่าเป็นโครงการที่จะสามารถดูแลสัตว์ป่าและส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย่างแท้จริง ซึ่งถึงปัจจุบันก็เริ่มเห็นภาพดังกล่าวได้อย่างชัดเจน จากการที่มีข้อมูลสัตว์ป่าตายอย่างต่อเนื่องและไม่มีนักท่องเที่ยวมากอย่างที่โอ้อวดไว้ แถมยังต้องมีการของบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมตลอด หลังจากที่ลงทุนไปแล้ว 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ อยากเสนอให้รัฐบาลยุบเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี แล้วย้ายสัตว์ป่าไปไว้ในที่เหมาะสมมากกว่านี้จะดีกว่า พร้อมทั้งคืนพื้นที่ให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ ที่เปิดกว้างให้ประชาชนและนักเรียนนักศึกษาเข้าไปหาความรู้ได้จะมีประโยชน์มากกว่า แทนที่จะปล่อยให้ขาดทุนต่อไปเรื่อยๆ แล้วต้องยกสัมปทานให้เอกชนเข้ามาลงทุนต่อ
ขณะที่ นายนิคม พุทธา เลขาธิการเครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่าไทย กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสถานการณ์ความเป็นอยู่ของสัตว์ป่าไทย พบว่าสัตว์ป่าแม้จะอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยานแห่งชาติ หรือป่าสงวน ก็ยังคงถูกคุกคามทั้งทางตรง เช่น การถูกล่า และทางอ้อม เช่น การทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีการใช้ประโยชน์สัตว์ป่าในเชิงการค้ามากขึ้นเห็นได้จากการขยายตัวของสวนสัตว์ เพราะเป็นตัวกระตุ้นให้มีการจับสัตว์ป่ามาขาย
ทั้งนี้ มีจึงอยากมีข้อเสนอเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ ให้มุ่งอนุรักษ์สัตว์ป่าในธรรมชาติให้ได้ ขณะเดียวกันสวนสัตว์ต่างๆ จะต้องมีการเพิ่มมาตรฐานในการดูแลสัตว์ป่าให้สูงขึ้น รวมทั้งมีการกวดขันการค้าสัตว์ป่า และมีหลักประกันคุ้มครองสัตว์ป่าและถิ่นที่อยู่
ส่วน นายเฉลิมพล แซมเพชร ผู้ประสานงานภาคีคนฮักเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้(26 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ เวลา 10.00 น.เครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่าไทย ชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา และภาคีคนฮักเชียงใหม่ ได้นัดหมายที่จะไปวางพวงหรีดและไว้อาลัยสัตว์ป่าที่ตายบริเวณทางเข้าเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พร้อมทั้งจะยื่นหนังสือถึงผู้บริหารเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เพื่อขอให้ชี้แจงข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับการดำเนินการที่ผ่านมา และขอให้มีการตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลางขึ้นมาประเมิน และตรวจสอบกิจการของไนท์ซาฟารีว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่เคยมีการระบุไว้ตั้งแต่เริ่มดำเนินการหรือไม่