นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายอิริค จี. จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เปิดโครงการรณรงค์ต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมาย ที่อาคารผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และแจกเอกสารทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้ความร่วมมือหยุดซื้อสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมาย ซึ่งการจัดโครงการครั้งนี้อยู่ภายใต้เครือข่ายปราบปรามการค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่ผิดกฎหมายในภูมิภาคอาเซียน หรือ อาเซียนเวน โดยจะมีการจัดฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ประจำสนามบิน เช่น ตำรวจ ศุลกากร และหน่วยงานที่ประกอบธุรกิจนำเข้าและส่งออกระหว่างประเทศ เพื่อให้มีความรู้และหลักปฏิบัติ การบังคับใช้กฎหมายและการพิสูจน์พืชและสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย เพื่อหยุดยั้งการลักลอบขนส่งไปยังประเทศปลายทาง
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวว่า การค้าขายสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี พืชและสัตว์ป่ากว่า 30,000 ชนิด ถูกขึ้นบัญชีเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จึงต้องอาศัยความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นผู้นำในกลุ่มอาเซียน ซึ่งเป็นเครือข่ายบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และการฝึกอบรมให้กับพนักงานประจำสนามบินครั้งนี้ จะเป็นรูปแบบให้สนามบินนานาชาติอื่นๆ ได้ปฏิบัติตาม
ขณะที่นายสุวิทย์ กล่าวว่า จากการเข้มงวดจับกุม พบว่าปริมาณการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าลดลง แต่เนื่องจากความต้องการยังมีอยู่ จากนี้ไปจะดำเนินการพูดคุยกับประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อลดความต้องการ เป็นการแก้ปัญหาจากจุดเริ่มต้น และแก้ไขกฎหมายให้เพิ่มบทลงโทษมากขึ้น และยอมรับว่าการเข้มงวดที่สนามบินทำให้การเข้าออกประเทศยากขึ้น เพราะการเข้าออกจะผ่านคาร์โก ซึ่งต้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวว่า การค้าขายสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี พืชและสัตว์ป่ากว่า 30,000 ชนิด ถูกขึ้นบัญชีเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จึงต้องอาศัยความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นผู้นำในกลุ่มอาเซียน ซึ่งเป็นเครือข่ายบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และการฝึกอบรมให้กับพนักงานประจำสนามบินครั้งนี้ จะเป็นรูปแบบให้สนามบินนานาชาติอื่นๆ ได้ปฏิบัติตาม
ขณะที่นายสุวิทย์ กล่าวว่า จากการเข้มงวดจับกุม พบว่าปริมาณการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าลดลง แต่เนื่องจากความต้องการยังมีอยู่ จากนี้ไปจะดำเนินการพูดคุยกับประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อลดความต้องการ เป็นการแก้ปัญหาจากจุดเริ่มต้น และแก้ไขกฎหมายให้เพิ่มบทลงโทษมากขึ้น และยอมรับว่าการเข้มงวดที่สนามบินทำให้การเข้าออกประเทศยากขึ้น เพราะการเข้าออกจะผ่านคาร์โก ซึ่งต้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย