แพร่ - ชาวบ้านสูงเม่น เรียกร้องให้ทางการยุติออกใบอนุญาตตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล หลังพบแอบดำเนินการมาจนถึงขั้นซื้อที่ดินตั้งโรงงานกันแล้ว
วันนี้ (12 ธ.ค.)ชาวบ้านหลายหมู่บ้านในต.น้ำชำ อ.สูงเม่น จ.แพร่ ได้รวมตัวกันที่หน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำชำ อ.สูงเม่น จ.แพร่ จำนวน 500 คน นำโดยนายสะอาด วงศ์แสนศรี ข้าราชการบำนาญในบ้านบวกโป่ง ต.น้ำชำ เพื่อเรียกร้องให้ทางการงดการออกใบอนุญาตให้กับกิจการโรงผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล ที่ต้องใช้เศษวัสดุการเกษตรเหลือใช้ได้แก่ แกลบ ขี้เลื่อย ขยะ ฯลฯมาเป็นเชื้อเพลิง
โดยชาวบ้านเชื่อว่า โรงงานดังกล่าวจะทำให้เกิดมลภาวะขึ้นในชุมชน ซึ่งที่ตั้งของโรงงานอยู่ติดกับชุมชนที่อยู่อาศัย และพื้นที่เกษตรกรรม ติดกับป่าช้าหนามแท่ง บ้านบวกโป่ง ต.น้ำชำ
นายสะอาด วงศ์แสนศรี แกนนำประท้วงกล่าวว่า โรงงานดังกล่าวใช้วิธีการลับลอบดำเนินการ ไม่เปิดเผยให้ชาวบ้านได้รับทราบมาก่อนเลย ซึ่งชาวบ้านมาทราบเมื่อมีการซื้อขายที่ดินจำนวน 13 แปลง จำนวน 63 ไร่ จึงรับทราบว่าเป็นที่ตั้งของโรงงานไฟฟ้าชีวมวล ความจริงแล้วการตั้งโรงงานดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้กฎหมายควบคุมมลภาวะ ก่อนที่จะสร้างได้ต้องผ่านขั้นตอนของกฎหมายในการควบคุมความปลอดภัย ซึ่งอุตสาหกรรมจังหวัดแพร่ จะต้องมีส่วนรู้เห็นในการดำเนินงาน แต่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลให้กับประชาชนทราบแม้แต่น้อย น่าจะเป็นความร่วมมือของกลุ่มทุนที่เข้ามาทำธุรกิจและภาครัฐ
นายสะอาด มองว่า แม้เมื่อสร้างไปแล้วผลดีก็มีอยู่ที่จะนำเศษเหลือใช้จากการเกษตรมาผลิตไฟฟ้าใช้ แต่สิ่งที่ตามมาก็คือมลภาวะทั้ง แหล่งน้ำ พื้นที่เกษตร อากาศที่ประชาชนจะต้องรับ รวมทั้งกองวัสดุที่อาจส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว สิ่งเหล่านี้ไม่มีการให้ความรู้ต่อประชาชน และเมื่อถึงขั้นซื้อที่ดินแล้ว ก็ยังไม่มีการรับฟังความคิดเห็นประชาชนเลย เป็นเรื่องน่าแปลกในแผ่นดินนี้
การชุมนุมเป็นการแสดงเจตนารมของชาวบ้านในการออกมาคัดค้านที่ทางการและกลุ่มธุรกิจไม่เคยฟังเสียงของชาวบ้านและไม่ดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายแต่อย่างใด
โรงงานดังกล่าวเป็นของกลุ่มทุนในด้านพลังงานทางเลือกเป็นบริษัทเอกชน ซึ่งเข้ามาดำเนินการใน ต.น้ำชำผ่านนายประทีป ดังก้อง กำนัน ต.น้ำชำ ซึ่งขณะนี้นายประทีป ดังก้อง เป็นตัวการสำคัญที่ชาวบ้านออกมาประท้วง ซึ่งชาวบ้านได้เรียกร้องให้นายยงยุทธ ชำนาญ นายก อบต.น้ำชำ ยุติการสนับสนุน ก่อนที่จะมีการรวมตัวมากขึ้น ซึ่งถ้ายังไม่ยุติจะเรียกร้องไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่เปิดสิทธิใช้ชาวบ้านได้ร้องเรียนในระดับสูงต่อไป
การชุมนุมของชาวบ้านดังกล่าว เป็นการออกมาแสดงเจตนารมณ์ เสร็จจากนั้นได้แยกย้ายกันกลับในเวลา 11.30 น.และถ้าทางราชการไม่ดำเนินการจะกลับมาอีกและเป็นการชุมนุมใหญ่มากขึ้น
วันนี้ (12 ธ.ค.)ชาวบ้านหลายหมู่บ้านในต.น้ำชำ อ.สูงเม่น จ.แพร่ ได้รวมตัวกันที่หน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำชำ อ.สูงเม่น จ.แพร่ จำนวน 500 คน นำโดยนายสะอาด วงศ์แสนศรี ข้าราชการบำนาญในบ้านบวกโป่ง ต.น้ำชำ เพื่อเรียกร้องให้ทางการงดการออกใบอนุญาตให้กับกิจการโรงผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล ที่ต้องใช้เศษวัสดุการเกษตรเหลือใช้ได้แก่ แกลบ ขี้เลื่อย ขยะ ฯลฯมาเป็นเชื้อเพลิง
โดยชาวบ้านเชื่อว่า โรงงานดังกล่าวจะทำให้เกิดมลภาวะขึ้นในชุมชน ซึ่งที่ตั้งของโรงงานอยู่ติดกับชุมชนที่อยู่อาศัย และพื้นที่เกษตรกรรม ติดกับป่าช้าหนามแท่ง บ้านบวกโป่ง ต.น้ำชำ
นายสะอาด วงศ์แสนศรี แกนนำประท้วงกล่าวว่า โรงงานดังกล่าวใช้วิธีการลับลอบดำเนินการ ไม่เปิดเผยให้ชาวบ้านได้รับทราบมาก่อนเลย ซึ่งชาวบ้านมาทราบเมื่อมีการซื้อขายที่ดินจำนวน 13 แปลง จำนวน 63 ไร่ จึงรับทราบว่าเป็นที่ตั้งของโรงงานไฟฟ้าชีวมวล ความจริงแล้วการตั้งโรงงานดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้กฎหมายควบคุมมลภาวะ ก่อนที่จะสร้างได้ต้องผ่านขั้นตอนของกฎหมายในการควบคุมความปลอดภัย ซึ่งอุตสาหกรรมจังหวัดแพร่ จะต้องมีส่วนรู้เห็นในการดำเนินงาน แต่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลให้กับประชาชนทราบแม้แต่น้อย น่าจะเป็นความร่วมมือของกลุ่มทุนที่เข้ามาทำธุรกิจและภาครัฐ
นายสะอาด มองว่า แม้เมื่อสร้างไปแล้วผลดีก็มีอยู่ที่จะนำเศษเหลือใช้จากการเกษตรมาผลิตไฟฟ้าใช้ แต่สิ่งที่ตามมาก็คือมลภาวะทั้ง แหล่งน้ำ พื้นที่เกษตร อากาศที่ประชาชนจะต้องรับ รวมทั้งกองวัสดุที่อาจส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว สิ่งเหล่านี้ไม่มีการให้ความรู้ต่อประชาชน และเมื่อถึงขั้นซื้อที่ดินแล้ว ก็ยังไม่มีการรับฟังความคิดเห็นประชาชนเลย เป็นเรื่องน่าแปลกในแผ่นดินนี้
การชุมนุมเป็นการแสดงเจตนารมของชาวบ้านในการออกมาคัดค้านที่ทางการและกลุ่มธุรกิจไม่เคยฟังเสียงของชาวบ้านและไม่ดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายแต่อย่างใด
โรงงานดังกล่าวเป็นของกลุ่มทุนในด้านพลังงานทางเลือกเป็นบริษัทเอกชน ซึ่งเข้ามาดำเนินการใน ต.น้ำชำผ่านนายประทีป ดังก้อง กำนัน ต.น้ำชำ ซึ่งขณะนี้นายประทีป ดังก้อง เป็นตัวการสำคัญที่ชาวบ้านออกมาประท้วง ซึ่งชาวบ้านได้เรียกร้องให้นายยงยุทธ ชำนาญ นายก อบต.น้ำชำ ยุติการสนับสนุน ก่อนที่จะมีการรวมตัวมากขึ้น ซึ่งถ้ายังไม่ยุติจะเรียกร้องไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่เปิดสิทธิใช้ชาวบ้านได้ร้องเรียนในระดับสูงต่อไป
การชุมนุมของชาวบ้านดังกล่าว เป็นการออกมาแสดงเจตนารมณ์ เสร็จจากนั้นได้แยกย้ายกันกลับในเวลา 11.30 น.และถ้าทางราชการไม่ดำเนินการจะกลับมาอีกและเป็นการชุมนุมใหญ่มากขึ้น