ศูนย์ข่าวศรีราชา - ภัยร้ายในยุคสังคมดิจิตอล สาวเหนือวัยละอ่อนคบหาเพื่อนในโลกไซเบอร์ รู้หน้าไม่รู้ใจ นาน 3 ปี สุดท้ายไม่พ้นถูกหลอก หลังเพื่อนชาวเน็ตนัดหมายพามาเที่ยวไหว้พระหลวงพ่อโสธร ลงทะเลบางแสน แต่สุดท้ายใช้แผนลวงทำทีทะเลาะกันภายในแก๊ง ไล่ลงออกจากรถเชิดทรัพย์สินล่องหน ปล่อยลอยแพริมทางหน้าห้างดัง ด้านตำรวจระบุยากที่จะติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ง่าย เหตุจากผู้เสียหายไม่ทราบรายละเอียดข้อมูลที่ชัดเจนของคนร้าย
วันนี้ (10 ธ.ค.) เวลา 11.30 น. ร.ต.ท.ธัญญะ จันลองภาส ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุมีหญิงสาวถูกล่อลวงมาจากทางภาคเหนือ ถูกปล่อยทิ้งอยู่ที่บริเวณริมถนนสายฉะเชิงเทรา บางปะกง หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาฉะเชิงเทรา ในสภาอิดโรย อ่อนล้า และพยายามขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมรับตัวส่งมายัง สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อทำการสอบสวน
จากการสอบสวนทราบชื่อ น.ส.ทัศวรรณ สังวาลเพชร อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41/44 ถ.สำราญรื่น ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้เล่นแชตอินเทอร์เน็ต พูดคุยรู้จักกับผู้คนในโลกสังคมไซเบอร์ผ่านทางโปรแกรมแชตใน “พันทิป” และได้รู้จักกับเพื่อนหญิงทราบเพียงชื่อ ส้ม อายุ 22 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา โดยพูดคุยจนรู้จักคุ้นเคยกันมาเป็นเวลานานกว่า 3 ปีแล้ว
จนมาเมื่อวานนี้เพื่อนทางเน็ตที่ชื่อส้ม ได้ชวนที่จะพามาเที่ยวทะเลยังจังหวัดในแถบภาคตะวันออกที่บางแสน จ.ชลบุรี โดยที่จะแวะไหว้พระที่วัดโสธร อ.เมืองฉะเชิงเทรา ก่อน จึงได้นัดหมายกันให้ส้มขับรถไปรับตนมาจากบริเวณหน้าห้างบิ๊กซี สาขา จ.อุตรดิตถ์ เมื่อเวลา 20.00 น.วานนี้ (9 ธ.ค.) โดยที่คนชื่อส้มได้พาเพื่อนชายมาด้วย ทราบเพียงชื่อเล่นว่า “หวาน” อายุประมาณ 30 ปี และเพื่อนหญิงอีกคนชื่อผึ้ง อายุ 18 ปี ซึ่งระหว่างทางเพื่อนใหม่ในรถที่มารับตนทั้ง 3 คนได้พูดเกี่ยงกันเกี่ยวกับเรื่องค่าน้ำมันว่าใครจะเป็นคนออกค่าใช้จ่าย ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญจึงได้ตัดสินใจจ่ายเงินค่าเติมน้ำมันให้จำนวน 2,000 บาท
เมื่อเดินทางมาถึงยังบริเวณหน้าห้างบิ๊กซี สาขาฉะเชิงเทรา เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน นายหวานกับส้มได้ทำทีละเลาะเถียงกันอีก จนสุดท้ายได้ให้ตนและหญิงสาวอีกคนที่ชื่อผึ้งลงมาจากรถ และให้รออยู่ที่บริเวณด้านหน้าห้างบิ๊กซีก่อน โดยอ้างว่าจะนำรถไปเติมน้ำมัน ซึ่งขณะนั้นตนกำลังใช้คอมพิวเตอร์ทำงานอยู่ที่เบาะหลังเพื่อคีย์ข้อมูลของลูกค้า ซึ่งตนมีอาชีพเป็นไกด์จัดทัวร์อยู่ในแถบจังหวัดภาคเหนือ
ครั้งแรกตนได้เตรียมที่จะนำทรัพย์สินและโน้ตบุ๊กลงมาจากรถด้วย แต่นายหวานบอกว่าเดี๋ยวจะกลับมารับ และถามว่า “โน้ตบุ๊กยังเปิดอยู่ไม่ใช่เหรอ” ซึ่งตนเห็นว่าไม่สะดวกที่จะนำลงมาด้วยจึงปล่อยทิ้งไว้ในรถ โดยที่ทั้งสองได้ให้ น.ส.ผึ้ง ลงมายืนคอยอยู่ด้วยกัน ก่อนที่ขับรถยนต์คัมรี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนจำได้เพียง 5ล-980 จ.อุตรดิตถ์ โดยตัวเลขด้านหน้าเลข 9 จำไม่ได้อีกหนึ่งตัวออกไป
โดยตนได้นั่งรอจนกระทั่งถึงเวลา 02.00 น.ของวันที่ 10 ธ.ค.51 น.ส.ผึ้งได้บ่นบอกว่าหิวข้าว และได้ขอแยกตัวออกไปหาซื้อข้าวกิน จากนั้นทั้งหมดได้หายตัวไปจนรุ่งเช้าและไม่ได้กลับมารับตนอีกเลย ซึ่งทรัพย์สินที่ถูกลวงหายไปนั้น มีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อโซนี่ มูลค่า 23,300 บาท กระเป๋าสตางค์ซึ่งใส่ไว้ในกระเป๋าโน้ตบุ๊ก มีเงินสดอยู่จำนวนกว่า 5 พันบาท ติดไปกับรถของคนร้ายด้วย เมื่อตนพยายามโทรศัพท์ติดต่อกลับไปยังเบอร์ของคนชื่อส้มก็ไม่ยอมรับสาย และสุดท้ายได้ปิดเครื่องหนีไป แต่ก็ยังดีที่ตนไม่ได้นำสิ่งของมีค่าอื่นๆ ติดตัวมาด้วย
ขณะที่ นายอรรถพร ตุลารักษ์ อายุ 29 ปี เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ขณะพบผู้เสียหายยืนรอเพื่อนอยู่ที่บริเวณริมถนนหน้าห้างบิ๊กซีนั้นอยู่ในสภาพอิดโรย อ่อนเพลีย และหิวข้าวน้ำอย่างเห็นได้ชัด จึงได้ให้เงินบริจาคช่วยเหลือจำนวนหนึ่งไปหาชื้อข้าวกิน ก่อนที่จะพามาเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนยัง สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งหลังจากแจ้งความร้องทุกข์แล้ว หากผู้เสียหายไม่มีเงินค่ารถเดินทางกลับบ้านก็จะเรี่ยไรหาเงินบริจาคช่วยเหลือเป็นเงินค่ารถกลับบ้านให้
ร.ต.ท.ธัญญะ กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นยากที่จะติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้ง่าย เหตุจากผู้เสียหายไม่ทราบรายละเอียดชื่อที่อยู่ที่แท้จริงของคนร้าย และข้อมูลที่ชัดเจนของทะเบียนรถ แต่ก็จะตรวจสอบตามพยานหลักฐานอื่นๆ ที่มีอยู่ต่อไป