ภาคธุรกิจ ชร.ย้ำ รบ.ใหม่-ห้าม “ผีเปรต” นั่งเก้าอี้เสนาบดี/ชี้เร่งแก้ทั้งวิกฤตการเมือง-เศรษฐกิจ

เชียงราย – ตัวแทนภาคธุรกิจเมืองพ่อขุนฯ ขอ “นายกฯ-รมต.” ใหม่ เคลียร์ได้ทุกฝ่าย เพื่อฝ่าวิกฤตความขัดแย้ง ย้ำ ห้ามเอา “ผีเปรต” นั่งเก้าอี้ หวังเงยหน้าไม่อายฟ้า-ก้มหน้าไม่อายดิน ยอมรับที่ผ่านมาไม่กล้าเงยหน้าทักทายผู้คนต่างชาติ ต้องหลบๆ ซ่อนๆ กลัวคนถาม รมต.ไทย มีนโยบายเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง เผย รัฐบาลใหม่ต้องแก้ทั้งปัญหาการเมือง-เศรษฐกิจ พร้อมกัน คำนึงถึงส่วนรวมก่อนพวกพ้อง

นายเจริญชัย แย้มแขไข ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.เชียงราย เปิดเผยถึงกรณีพรรคการเมืองต่างๆ เตรียมจัดตั้งรัฐบาลและสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติในการสร้างความสามัคคีให้กับคนทุกกลุ่มในชาติ และมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยทั้งสองอย่างต้องดำเนินการควบคู่กันไป ซึ่งตนเห็นว่า พอมองเห็นบุคคลที่มีลักษณะดังกล่าวอยู่ และหากเป็นไปตามที่คาดคิดบ้านเมืองเราก็จะไปรอด แต่ถ้าหากมีการนำเอาคนไม่เหมาะสมประเภท “ผีเปรต” เข้าไปเป็นรัฐมนตรี โดยดูถูกประชาชนเหมือนที่ผ่านมา วิกฤตการเมืองก็จะกลับมาอีกแน่นอน เพราะรัฐมนตรีที่มาจากการแก้ไขปัญหาการเมืองอย่างเดียวจะไม่มีความรู้ ความสามารถแต่จะมุ่งเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์

นายเจริญชัย กล่าวว่า เบื้องต้นขอเพียงอย่างเดียว ว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่และรัฐบาลใหม่ต้องหาคณะรัฐมนตรีที่มีคุณภาพ มีสง่าราศรี ไม่ใช่อยากจะจับใครไปเป็นก็ได้โดยไม่เห็นแก่หน้าประชาชน บรรดานักธุรกิจที่จะเดินทางไปต่างประเทศก็จะได้กล้าเงยหน้าทักทายผู้คน เพราะที่ผ่านมาต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะกลัวคนเขาจะถามว่ารัฐมนตรีของประเทศไทยทำงานด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง

ด้าน นายวิรุณ คำภิโล รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวในทำนองเดียวกัน ว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องเป็นคนประนีประนอม เข้าได้กับคนทุกฝ่าย เพราะการปกครองประเทศไทย และสังคมโลกในอนาคตต้องอาศัยผู้คนที่หลากหลาย หมดยุคของการเก่งคนเดียวแล้ว แต่หากใช้วิธีการเก่งคนเดียวอีกจะไปไม่รอดแน่นอน เนื่องจากประเทศไทยเผชิญทั้งวิกฤตจากเศรษฐกิจโลก ซึ่งหลายประเทศได้ป้องกันและแก้ไขปัญหาเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ประเทศไทยยังเผชิญอยู่กับปัญหาทางการเมืองภายในประเทศอยู่อีก ดังนั้น ถ้านายกรัฐมนตรีคนใหม่เห็นแก่ประเทศชาติจะต้องแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ-ปัญหาการเมืองภายในประเทศให้ได้พร้อมๆ กัน ถ้ายังห่วงแต่การเอาชนะกันทางการเมือง และแก้ไขปัญหาเฉพาะพรรคพวกตัวเองวิกฤตประเทศไทยจะกลับมาอีกครั้ง

นายวิรุณ กล่าวอีกว่า หากนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลใหม่ ไม่ดำเนินการตามนี้ ประเทศเราแย่แน่นอน เพราะปัญหาขณะนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ในอดีตเราอาจจะเห็นเป็นเรื่องเล็ก เพราะประเทศไทยเราความเจริญก้าวหน้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ ประกอบกับมีการส่งออกพืชเกษตรเพียงประเทศเดียว แต่ในปัจจุบันหลายประเทศล้ำหน้าเราไปหลายเรื่อง เช่น จีน เวียดนาม มาเลเซีย ฯลฯ พืชที่ส่งออกก็ซ้ำและราคาถูกกว่าเรา

อย่างไรก็ตาม คงต้องรอให้เห็นตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่และรัฐบาลชุดใหม่ก่อน จึงพอจะประเมินสถานการณ์ได้ แต่ขอฝากให้ผลักดันด้านเศรษฐกิจว่ารัฐบาลใหม่ หรือทีมเศรษฐกิจใหม่ต้องเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยใหม่ จากเดิมที่มุ่งส่งเสริมให้มีการผลิตผลิตผลทางการเกษตร เพื่อการส่งออกไปยังต่างประเทศอย่างเดียว ให้หันมาพัฒนาตลาดภายในประเทศและส่งเสริมสินค้าคุณภาพเพื่อขยายตลาดไปทั่วโลก รวมทั้งส่งเสริมด้านพลังงานทดแทนเพื่อให้เป็นมาตรฐานสำหรับระบบพลังงานของประเทศในอนาคตด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากในปัจจุบันเราจะหวังกับตลาดส่งออกอย่างเดียวไม่ได้ เพราะประเทศที่เราส่งออก เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฯลฯ ต่างประสบปัญหาเศรษฐกิจเช่นกัน ดังนั้นเราจึงควรหันมาพัฒนาการเกษตรภายในให้มีคุณภาพ เช่น ผลิตข้าวอินทรีย์ พัฒนาพืชพลังงานทดแทน ฯลฯ เพื่อให้สินค้าไทยมุ่งสู่ตลาดระดับสูงและมีความแตกต่างกับสินค้าจากประเทศจีน เวียดนาม ฯลฯ ซึ่งมีชนิดสินค้าที่ซ้ำซ้อนกับเรา

“เราควรหันมาพัฒนาตลาดพลังงานภายในประเทศด้วย อย่าไปคิดว่าการที่น้ำมันเชื้อเพลิงราคาถูกลงเรื่อยๆ เช่นนี้จะถูกตลอดไป เพราะในอนาคตก็จะต้องสูงขึ้นตามปริมาณการผลิตได้ในโลก การพัฒนาพลังงานภายในประเทศก่อนจะทำให้เรามีพื้นฐานที่เข้มแข็งในอนาคตเมื่อเกิดวิกฤติพลังงานขึ้นอีกครั้ง อย่าง จ.เชียงราย ใช้น้ำมันดีเซลวันละกว่า 300,000 ลิตร อนาคตคงจะทะลุวันละ 500,000-600,000 ลิตร จ.เชียงใหม่ วันละ 700,000-800,000 ลิตร ถ้ามีการพัฒนาระบบพลังงานทดแทนให้ดี ด้วยการส่งเสริมปลูกพืชทดแทนและตั้งโรงงานไปทุกอำเภอและจังหวัด ก็จะสามารถชดเชยปริมาณดังกล่าวได้ซึ่งก็จะเป็นการส่งเสริมตลาดภายในประเทศ ส่งเสริมการมีรายได้ของประชาชนในชนบท ฯลฯ ตามแนวคิดข้างต้นดังกล่าวนั่นเอง” นายวิรุณ กล่าว