เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันในตลาดโลกดิ่งลง 2 ดอลลาร์ หลังพุ่งสูงทำสถิติใหม่ 2 วันติดกัน นักวิเคราะห์อ้างเหตุกระทรวงพลังงานสหรัฐฯแถลงปริมาณน้ำมันดิบในคลังทั่วประเทศเพิ่มเกินคาดกว่า 4 ล้านบาร์เรล ชี้ให้เห็นว่าตลาดน้ำมันยังมีซัปพลายอยู่เพียงพอ
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ในตลาดไนเม็กซ์ ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันพฤหัสบดี (21) มีราคาลดลง 1.47 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 98.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนมีนาคม ซึ่งหมดอายุไปเมื่อวันพุธ (20) มีราคาปิดทำสถิติสูงสุดที่ 100.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ที่ตลาดลอนดอน เมื่อวันพฤหัสบดี มีราคาลดลง 2.18 ดอลลาร์ มาปิดที่ 96.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ต่อมา ในการซื้อขายที่ตลาดในสิงคโปร์ เมื่อวันศุกร์ (22) สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาลดลง 31 เซ็นต์ จากราคาปิดที่นิวยอร์ก เมื่อวันพฤหัสบดี มาอยู่ที่ 97.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์มีราคาเพิ่มขึ้น 5 เซ็นต์ จากราคาปิดที่ตลาดลอนดอน เมื่อวันพฤหัสบดีเช่นกัน มาซื้อขายกันที่ 96.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงพลังงานสหรัฐฯแถลงตัวเลขปริมาณน้ำมันในคลังทั่วประเทศ ประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (15) ปรากฏว่า ปริมาณน้ำมันดิบในคลังเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล ขัดกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ปริมาณน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล
ส่วนปริมาณน้ำมันเบนซินในคลังก็เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้นเพียง 450,000 บาร์เรล
ทิม อีวานส์ นักวิเคราะห์แห่งซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า โดยรวมแล้ว รายงานปริมาณน้ำมันในคลังประจำสัปดาห์ ทำให้ตลาดน้ำมันอยู่ในภาวะหมี
นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดที่ชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ บ่ายหน้าเข้าสู่ภาวะถดถอย ก็มีส่วนฉุดราคาน้ำมันเช่นกัน ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาฟิลาเดลเฟีย แถลงตัวเลขดัชนีกิจกรรมภาคธุรกิจในแถบมิดแอตแลนติก ดิ่งลงมาอยู่ที่ -24.0 ในเดือนนี้ จาก -20.9 เมื่อเดือนที่แล้ว ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2001
ยิ่งไปกว่านั้น Conference Board ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยเอกชน แถลงตัวเลขดัชนีบ่งชี้เศรษฐกิจชั้นนำสหรัฐฯ ลดลง 0.1% ในเดือนมกราคม โดยลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
ด้านนักวิเคราะห์หลายคน กล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันพุ่งทะลุหลักร้อย ไม่ได้เป็นเพราะปัจจัยพื้นฐานอีกต่อไป
"ผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ มองว่าราคาน้ำมันดิบ 100 ดอลลาร์ เป็นราคาที่สูงเกินไป และไม่ได้เป็นผลจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดเลยแม้แต่น้อย" จิม ริตเตอร์บุช ประธานบริษัทริตเตอร์บุช แอสโซซิเอตส์ กล่าว
"ในตลาดพลังงาน ผู้คนกำลังทำกำไรจากการถือครองระยะยาว นับตั้งแต่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา" ริตเตอร์บุช กล่าว
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ในตลาดไนเม็กซ์ ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันพฤหัสบดี (21) มีราคาลดลง 1.47 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 98.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนมีนาคม ซึ่งหมดอายุไปเมื่อวันพุธ (20) มีราคาปิดทำสถิติสูงสุดที่ 100.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ที่ตลาดลอนดอน เมื่อวันพฤหัสบดี มีราคาลดลง 2.18 ดอลลาร์ มาปิดที่ 96.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ต่อมา ในการซื้อขายที่ตลาดในสิงคโปร์ เมื่อวันศุกร์ (22) สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาลดลง 31 เซ็นต์ จากราคาปิดที่นิวยอร์ก เมื่อวันพฤหัสบดี มาอยู่ที่ 97.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์มีราคาเพิ่มขึ้น 5 เซ็นต์ จากราคาปิดที่ตลาดลอนดอน เมื่อวันพฤหัสบดีเช่นกัน มาซื้อขายกันที่ 96.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงพลังงานสหรัฐฯแถลงตัวเลขปริมาณน้ำมันในคลังทั่วประเทศ ประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (15) ปรากฏว่า ปริมาณน้ำมันดิบในคลังเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล ขัดกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ปริมาณน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล
ส่วนปริมาณน้ำมันเบนซินในคลังก็เพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้นเพียง 450,000 บาร์เรล
ทิม อีวานส์ นักวิเคราะห์แห่งซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า โดยรวมแล้ว รายงานปริมาณน้ำมันในคลังประจำสัปดาห์ ทำให้ตลาดน้ำมันอยู่ในภาวะหมี
นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดที่ชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ บ่ายหน้าเข้าสู่ภาวะถดถอย ก็มีส่วนฉุดราคาน้ำมันเช่นกัน ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาฟิลาเดลเฟีย แถลงตัวเลขดัชนีกิจกรรมภาคธุรกิจในแถบมิดแอตแลนติก ดิ่งลงมาอยู่ที่ -24.0 ในเดือนนี้ จาก -20.9 เมื่อเดือนที่แล้ว ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2001
ยิ่งไปกว่านั้น Conference Board ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยเอกชน แถลงตัวเลขดัชนีบ่งชี้เศรษฐกิจชั้นนำสหรัฐฯ ลดลง 0.1% ในเดือนมกราคม โดยลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
ด้านนักวิเคราะห์หลายคน กล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันพุ่งทะลุหลักร้อย ไม่ได้เป็นเพราะปัจจัยพื้นฐานอีกต่อไป
"ผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ มองว่าราคาน้ำมันดิบ 100 ดอลลาร์ เป็นราคาที่สูงเกินไป และไม่ได้เป็นผลจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดเลยแม้แต่น้อย" จิม ริตเตอร์บุช ประธานบริษัทริตเตอร์บุช แอสโซซิเอตส์ กล่าว
"ในตลาดพลังงาน ผู้คนกำลังทำกำไรจากการถือครองระยะยาว นับตั้งแต่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา" ริตเตอร์บุช กล่าว
